เมืองจันท์อ่วม! เจอโควิดแคมป์ก่อสร้าง 132 คลัสเตอร์ กทม.ต่ำกว่าพันราย 6 วันติด
ศบค.เผยติดเชื้อโควิดไทยลดลงแบบทรงๆ กทม.ต่ำกว่าพันรายต่อเนื่อง 6 วัน จันทบุรียังเจอแคมป์ก่อสร้าง 132 คลัสเตอร์ เชียงใหม่เจอในตลาด ชุมชน แคมป์ และโรงงาน
เมื่อวันที่ 27 ต.ค.64 พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค เป็นตัวแทนศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 ประจำวัน ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,452 ราย สะสม 1,875,315 ราย หายป่วย 8,449 ราย สะสม 1,758,297 ราย กำลังรักษา 98,096 ราย อาการหนัก 2,355 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 534 ราย
ถือว่าลดลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับทั่วโลก โดยผู้เสียชีวิต 57 ราย สะสม 18,922 ราย แนวโน้มลดลงเช่นกัน โดยเป็นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรังมากกว่า 95% มาจากภาคกลางและตะวันออก 17 ราย มากกว่าภาคใต้ที่พบ 13 ราย
สัดส่วนการติดเชื้อในต่างจังหวัดลดลงแบบทรงๆ สัดส่วนคิดเป็น 60% 4 จังหวัดใต้ลดแบบทรงๆ สัดส่วน 23% ส่วน กทม.และปริมณฑลสัดส่วนคิดเป็น 17% สำหรับผลการตรวจ ATK วันนี้อยู่ที่ 3.62% ขณะที่ผู้ติดเชื้อ 10 จังหวัดสูงสุด ไม่มีจังหวัดไหนเกินกว่า 1 พันราย กทม.ผู้ติดเชื้อลดลงต่ำกว่าพันรายเป็นวันที่ 6 คือ 859 ราย สงขลา ปัตตานี ติดอันดับ 2 และ 3 แนวโน้มลดลง นอกจากนี้ ยังมียะลา จันทบุรี นครศรีธรรมราช นราธิวาส สมุทรปราการ ชลบุรี และเชียงใหม่
คลัสเตอร์ของ 10 จังหวัดสูงสุดนี้ มาจากจันทบุรี คือแคมป์ก่อสร้าง 132 คลัสเตอร์ แรงงานอีก 6 คลัสเตอร์ ส่วนนครศรีธรรมราชเจอในงานศพ 5 คลัสเตอร์ เชียงใหม่ลดลงเหลืออันดับ 10 แสดงว่ามีความร่วมมือกันไม่ให้การระบาดเพิ่มขึ้น แต่ยังติดเชื้อประปรายในตลาด ชุมชน แคมป์ก่อสร้าง และโรงงาน ยังต้องเน้นย้ำมาตรการส่วนบุคคล จากงานศพหรือในตลาด ยังต้องกำชับมาตรการส่วนบุคคล เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากากตลอดเวลา นำอาหารกลับไปรับประทานที่บ้าน
การฉีดวัคซีนโควิด 19 วันที่ 26 ต.ค. ฉีดเพิ่ม 812,009 โดส สะสม 72,049,529 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 40,717,544 ราย คิดเป็น 56.5% ของประชากร เข็มสอง 29,115,651 ราย คิดเป็น 40.4% ของประชากร และเข็มสาม 2,216,334 ราย คิดเป็น 3.1% ของประชากร
ส่วนกลุ่มนักเรียนนักศึกษาอายุ 12-17 ปี รายงานฉีด 1.9 ล้านคน คิดเป็น 42.8% นอกจากการระดมฉีดนักเรียน ต้องฉีดครูและบุคลากรในโรงเรียนให้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น ที่ประชุมอีโอซีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้รับข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และเห็นชอบสถานศึกษาในพื้นที่สีแดงเข้ม พื้นที่สีแดง ต้องให้ครูและบุคลากรทางการศึกษารับวัคซีนครบ 2 โดส อย่างน้อย 85% จึงเปิดเรียนแบบออนไซต์ได้ ศธ.สำรวจพบว่ายังต้องมีบุคลากรทางการศึกษามาฉีด 131,238 คน
นอกจากนี้ ผู้ที่ฉีดซิโนแวคครบ 2 เข็มตั้งแต่ มิ.ย.เป็นต้นมา ขอให้มาฉีดเข็มกระตุ้นได้ คนได้รับแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็มตั้งแต่ พ.ค.มาฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ได้เลย เนื่องจากวัคซีนมีปริมาณเพียงพอ ให้คนประสงค์รับวัคซีนติดต่อ รพ.ที่รับวัคซีนเข็มก่อนหน้าได้เลย
ความครอบคลุมการรับวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวสีฟ้า โดยเข็มที่ 1 อย่างน้อย 50% ฉีดครบตามเป้าแล้วคือ กทม. เชียงใหม่ สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ชลบุรี ระยอง ตราด บุรีรัมย์ กระบี่ พังงา และระนอง
ส่วนที่เข้าใกล้ 50% คือ 3 จังหวัด เลย หนองคาย และอุดรธานี อยู่ที่ 47% 45.7% และ 46.4% ตามลำดับ ขอให้มารับวัคซีน หากมีญาติพี่น้องมีโรคประจำตัวติดเตียงออกมารับบริการไม่ได้ แจ้งหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกฉีดเชิงรุก
ส่วนกลุ่ม 608 ในพื้นที่สีฟ้าอยู่ที่ 75.3% ยังต้องขอให้เพิ่มจำนวนกลุ่มนี้ให้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดประเทศอันใกล้นี้ ส่วน 4 จังหวัดชายแดนใต้ จังหวัดที่ครอบคลุมเข็ม 1 เกิน 50% คือ สงขลาและยะลา ส่วนนราธิวาสและปัตตานี เพิ่มขึ้นจากวันก่อน นราธิวาส 43.9% ปัตตานี 45.7% ความครอบคลุมกลุ่ม 608 เฉลี่ย 59.4%
ผู้ติดเชื้อ 4 จังหวัดชายแดนใต้ค่อนข้างทรงตัวและเริ่มลดลง โดยที่ประชุมอีโอซีและ ศบค.ส่วนหน้า 4 จังหวัดชายแดนใต้ เห็นชอบเร่งรัดครอบคลุมวัคซีนเพิ่มขึ้นประชาชนทั่วไป กลุ่ม 608 นักเรียนนักศึกษา แรงงานในพื้นที่ โดยสร้างความเข้าใจภาษาพื้นถิ่น ผ่านหอกระจายข่าว สถานีวิทยุ แผ่นพับ ได้รับความช่วยเหลือจากผู้นำชุมชนและผู้นำศาสนา และการจำกัดวงไม่ให้แพร่วงกว้าง การระบาดระดับครอบครัวชุมชน ตลาด สถานประกอบกิจการ เช่น ร้านอาหาร ร้านน้ำชา
ทั้ง 2 เรื่องนี้ดำเนินการหลักๆ โดยรถพระราชทานชีวนิรภัย โมบายวัคซีน ใช้ระบบ CCRT ลงพื้นที่ ทำแผนดำเนินการเชิงรุกแต่ละจังหวัด การเสียชีวิตของ 4 จังหวัดชายแดนใต้ ภาพรวมคล้ายกับการเสียชีวิตของประเทศ พบเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว 100% และไม่ได้รับวัคซีนเลย 100% ต้องเร่งฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง
ส่วนการปรับระบบการลงทะเบียนผู้เข้ามาจากต่างประเทศ จากระบบ COE มาเป็น Thailand Plus กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงรายละเอียดแพลตฟอร์มนี้ไปแล้ว มีการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ต่างๆ และแจ้งรายละเอียดไปยังทุกสถานทูตที่เกี่ยวข้อง คนเดินทางเข้าประเทศไทยสอบถาม Thailand Plus จากสถานทูตในประเทศของตนเองได้เลย