AGE ยอดขายรถอีวีสนั่น โกยเงินทะลุ 2 พันล้าน

#AGE #ทันหุ้น – AGE เริ่มรับรู้รายได้ใหม่ ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าสุดฮอต ยอดจองพุ่งกระฉูด นั่งแท่นดีลเลอร์เบอร์ต้นกวาดยอดขายต่อเดือน 300-400 คัน คาดสิ้นปีรับทรัพย์เกิน 2 พันล้านบาท ดันกำไรเสริมทัพธุรกิจหลัก พร้อมมองเทรนด์อีวีโตดีต่อเนื่อง

               นายปองธรรม  แดนวังเดิม  หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของกลุ่ม บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอจีอี เวนเจอร์ จำกัด เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ธุรกิจใหม่ภายใต้บริษัทย่อย บริษัท เอจีอี เวนเจอร์ จำกัด (AGEVT) ซึ่งประกอบธุรกิจดีลเลอร์ขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ปัจจุบันกำลังเติบโต ซึ่งถือเป็นรายได้ใหม่ ที่ได้เข้ามาช่วยเสริมธุรกิจหลัก โดยขณะนี้ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าได้เริ่มรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้ว

            ปัจจุบันธุรกิจรถยนต์มีโชว์รูมให้บริการประมาณ 9-10 แห่ง โดยมีการจำหน่ายรถยนต์หลากหลายแบรนด์ ได้แก่ มิตซูบิชิ (Mitsubishi), ซีกเกอร์ (Seeker), โอโมดะ (OMODA), เจคู (JAECOO) และ เชอรี่ (CHERY) ซึ่งยอดขายโดยรวมถือว่าทำได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะแบรนด์ JAECOO นั้นทำยอดขายได้ดีมาก และมีการจองเฉลี่ยเดือนละประมาณ 300-400 คัน โดยคาดว่าบริษัทน่าจะเป็นดีลเลอร์อันดับ 1 สำหรับแบรนด์นี้

** โกยยอดขายเพียบ

               สำหรับยอดขายของธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าในเดือนกันยายน 2568 สามารถขายได้ประมาณ 300-400 คัน และคาดว่าเดือนนี้ยอดขายจะมากกว่าเดือนก่อน โดยมียอดขายสะสมนับตั้งแต่ต้นปี ถึงเดือนกันยายน 2568 คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 1,600 คัน

               ขณะที่รายได้ได้จากยอดขาย ณ เดือนสิงหาคม 2568 อยู่ที่ประมาณ 1.6 พันล้านบาท คาดว่ายอดขายสะสมไปถึงเดือนตุลาคม 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 2,000 คัน

สำหรับธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้านี้ได้เริ่มทำกำไรได้ตั้งแต่เดือนแรกที่เริ่มดำเนินการในปีนี้ โดยมีกำไรสะสมรวมจากธุรกิจรถยนต์ จากยอดขายอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท ประมาณ 20 ล้านบาท และคาดการณ์ว่ากำไรสำหรับเดือนล่าสุดนี้อาจจะสูงถึง 40 ล้านบาท ซึ่งธุรกิจนี้มี Net Margin (อัตรากำไรสุทธิ) อยู่ที่ประมาณ 1.6% ถึง 2%

ด้านแผนการขยายสาขา จะดำเนินการขยายอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันกำลังเร่งเพิ่มประสิทธิภาพ (Efficient) ในโชว์รูมทั้ง 10 แห่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการให้บริการแก่ลูกค้าภายในโชว์รูมแล้ว โดยเริ่มด้วยมิตซูบิชิ ซึ่งสามารถสร้างกำไรได้ประมาณเดือนละ 1 ล้านบาทต่อศูนย์

** ถ่านหินทรงตัว

               “เรามีมุมมองว่าธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้างโอเค และพยายามหาสินค้าที่เป็นสินค้าที่มีราคาถูก เข้าถึงง่าย และช่วยให้ผู้บริโภคประหยัดเงิน โดยเชื่อว่าอัตราการเจาะตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าจะดีมาก สำหรับประเด็นสงครามราคา ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าในปีหน้าน่าจะลดลง เนื่องจากการเปลี่ยนนโยบายของผู้ประกอบการจากเดิมที่ตั้งราคาสูงแล้วค่อยๆ ลด เปลี่ยนมาเป็นการตั้งราคาที่เหมาะสมตั้งแต่ต้น” นายปองธรรม กล่าว

               สำหรับทิศทางธุรกิจถ่านหิน ในปัจจุบันถือว่ายังสามารถทำยอดขายทรงตัวได้ในระดับเดิม ซึ่งยอดขายปีนี้ไม่น่าจะลดลง และยังคงมี Margin ที่ดีอยู่

               ในส่วนของปัจจัยภายนอกอย่าง ESG นั้น เชื่อว่าผลกระทบจากการชะลอตัวเรื่อง ESG ในต่างประเทศ (เช่น การชะลอตัวของธนาคารนอก) น่าจะเริ่มเห็นผลในปีหน้า และคาดว่าธนาคารไทยบางแห่งอาจจะค่อยๆ ผ่อนปรนเรื่อง ESG หากเทรนด์ยังคงเป็นเช่นนั้นTop of Form