รีเซต

กองทัพบก เผยไทยควบคุม "เชลยศึกกัมพูชา" ตามกฎหมายระหว่างประเทศ

กองทัพบก เผยไทยควบคุม "เชลยศึกกัมพูชา" ตามกฎหมายระหว่างประเทศ
TNN ช่อง16
8 กันยายน 2568 ( 15:40 )
33

จากกรณีที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้เผยแพร่ภาพอินโฟกราฟิกพร้อมระบุข้อความว่า “41 วัน แล้วที่ทหารไทยจับกุมกำลังทหารกัมพูชาอย่างผิดกฎหมาย แต่ยังไม่ปล่อยตัว ในช่วงเช้าวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ทันทีหลังจากข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ กองทัพไทยได้จับกุมกำลังทหารกัมพูชาอย่างผิดกฎหมาย จนถึงวันที่ 8 กันยายน 2568 พวกเขาถูกควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมายมาเป็นเวลา 41 วัน" นั้น

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า แม้ข้อตกลงหยุดยิงที่ไทยและกัมพูชาได้กำหนดร่วมกันไว้ว่าภายในเวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในพื้นที่นั้น คือฝ่ายไทยยังคงพบว่ากัมพูชามีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ใช้อาวุธโจมตีทหารไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยต้องมีการตอบโต้และป้องกันอธิปไตยของตน ตลอดคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 จนถึงช่วงเช้าของวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ที่ไม่ปรากฏเสียงการใช้อาวุธในพื้นที่ชายแดน

โดยการควบคุมตัวทหารกัมพูชาทั้ง 18 รายนั้น เกิดขึ้นในช่วงที่ยังมีการสู้รบอยู่ และทางกัมพูชาไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงจริง ทำให้ไทยต้องดำเนินการควบคุมตัวเชลยศึกทั้งหมด ตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 ว่าด้วยการปฏิบัติต่อเชลยศึก พ.ศ. 2492 ซึ่งไทยและกัมพูชาต่างก็เป็นรัฐภาคีที่ให้สัตยาบันร่วมกัน และมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเชลยศึกจะได้รับการส่งกลับเมื่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางอาวุธสิ้นสุดลงโดยสมบูรณ์ 

แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ที่กองทัพบกยังได้รับรายงานจากหน่วยทหารในพื้นที่ ว่าพบการกระทำของทหารกัมพูชาที่มีเจตนาในการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างต่อเนื่อง ทั้งการตรวจพบโดรนลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดน, การแสดงท่าทียั่วยุและสนับสนุนให้ประชาชนชาวกัมพูชาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อทหารไทย รวมทั้งการรุกล้ำอธิปไตยไทย ลักลอบเข้ามารื้อลวดหนามหรือลอบวางทุ่นระเบิด PMN-2 ของทหารกัมพูชา ที่หวังต่อชีวิตและการสูญเสียของทางฝั่งไทย การกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า สถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธในพื้นที่นั้นยังไม่สิ้นสุดลง แม้สถานการณ์ภาพรวมจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

สำหรับการดูแลเชลยศึกนั้น กองทัพบกขอยืนยันว่าได้ดำเนินการตามข้อกำหนดในอนุสัญญาเจนีวาอย่างครบถ้วน ซึ่งที่ผ่านมา ได้เปิดโอกาสให้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เข้ามาตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ และพบปะพูดคุยกับทางเชลยศึกในพื้นที่ควบคุมรวม 2 ครั้ง ทั้งนี้ หากมีหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ ต้องการเข้ามาตรวจสอบกระบวนการดูแลและควบคุมตัวเชลยศึก สามารถประสานผ่านกลไกระหว่างประเทศ หรือกองทัพบกได้ตลอดเวลา  

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง