บลจ.อีสท์สปริงรับวาเลนไทม์ เสนอขายกองES-ALOVE UH

#บลจ.อีสท์สปริง #ทันหุ้น- บลจ.อีสท์สปริง เปิดตัวกองทุน ES -ALOVE UH สร้างโอกาสลงทุนท่ามกลางตลาดผันผวน เน้นหุ้นคุณภาพ ผลตอบแทนเด่นในเอเชียแปซิฟิก เว้นญี่ปุ่น IPO: 14-21 ก.พ. 68
นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจมีความผันผวน ภาพรวมตลาดเอเชียมียังมีความน่าสนใจน่าลงทุน การนำกลยุทธ์ Asian Low Volatility มาใช้เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ช่วยสร้างโอกาสการเติบโตของพอร์ต การกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่หลากหลาย และเลือกลงทุนในกองทุนที่มีความผันผวนต่ำเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะกลางถึงยาว
ประกอบกับตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) มีการเติบโตของกำไรและระดับมูลค่าที่น่าสนใจ โดยมี Forward P/E อยู่ที่ประมาณ 12 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และหลายประเทศ ในขณะที่มีคาดการณ์การเติบโตของกำไรปี 2568 ราว 10% สะท้อนถึงโอกาสในการลงทุนของภูมิภาคนี้ (ที่มา: EITH Investment Strategy Team, Bloomberg ณ วันที่ 24 ม.ค. 2568)
โดยบลจ.อีสท์สปริงได้เตรียมเปิดจองกองทุนเปิดอีสท์สปริง Asian Low Volatility Equity-Unhedged (ES-ALOVE-UH) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก Eastspring Investments – Asian Low Volatility Equity Fund ในหน่วยลงทุนชนิด Class C ซึ่งกองทุนหลัก บริหารจัดการโดย Eastspring Investments (Luxembourg) S.A. เพื่อสร้างผลตอบแทนรวมที่สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น) ด้วยมูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และจะเสนอขายครั้งแรกระหว่าง 14-21 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ ด้วยมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำ 1 บาท
ทั้งนี้ กองทุนหลัก มีจุดเด่นคือ กระบวนการคัดเลือกหลักทรัพย์โดยใช้ปัจจัยด้านปริมาณ (Quantitative Factor) ที่สามารถเข้าถึงขอบเขตการลงทุนที่กว้างใหญ่กว่า MSCI Asia Ex Japan ช่วยสร้างโอกาสลงทุนได้มากกว่า โดยคัดเลือกหุ้นที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha) และหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลในระดับที่น่าสนใจกระจายการลงทุนประมาณ 100-200 ตราสาร และตัดหุ้นที่มีความน่าสนใจน้อยออกไป เช่น หุ้นที่มีราคาแพง ไม่มีคุณภาพ เป็นต้น
สำหรับพอร์ตการลงทุนของกองทุนหลักกระจายการลงทุนรายประเทศใน 5 อันดับ ประกอบด้วย 1.จีน 25.2% 2.อินเดีย 21.7% 3.ไต้หวัน 13.4% 4.ออสเตรเลีย 10.9% และ5.มาเลเซีย 6.4% และมีสัดส่วนการลงทุนรายอุตสาหกรรม 5 อันดับแรก 1.กลุ่มการเงิน (Financials) 29.1% 2.กลุ่มไอที 15.4% 3.กลุ่ม Consumer Staples 12.8% 4.กลุ่ม Industrials 10.3% และ 5.กลุ่ม Utilities 8.6% โดยมีหุ้นรายชื่อหุ้นที่กองทุนหลักถือครองสูงสุด 5 อันดับแรก คือ 1.Oversea Chinese Banking LTD ธนาคารและบริษัทที่ให้บริการทางการเงินที่เก่าแก่ในสิงคโปร์ และใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ,2.Bank of China ธนาคารแห่งประเทศจีน เป็นธนาคารรัฐที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ในประเทศจีน
3.Malayan Banking หนึ่งในกลุ่มธุรกิจการเงินของมาเลเซียขนาดใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในแง่ของจำนวนสาขา , 4.China Yangtze Power B บริษัทพลังงานด้านพลังงานน้ำ สำนักงานใหญ่อยู่ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน และ 5. Radiant Opto-Electronics Corporation ประเทศไต้หวัน เป็นผู้นำในด้านการผลิตโมดูลไฟแบล็กไลต์ LCD ที่มีประสิทธิภาพสูง (ที่มา: บลจ. อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2567)