บูกี้ แมน (Boogeyman) คือปีศาจร้ายมือวางอันดับหนึ่ง ที่พ่อแม่ทางฝั่งยุโรป ตะวันตก หลายชาติ นำชื่อมากำราบความซนของเด็ก ๆ เช่น หากดื้อจะถูกบูกี้แมนทำร้าย เป็นต้น แต่สำหรับชาวไทยแล้ว คำว่า ซีอุยกินตับ ถือเป็นคำขู่ที่ได้ผลชะงัก เด็กร้องโยเยเป็นเงียบเมื่อได้ยินชื่อนี้ ยิ่งเด็กในยุค 90 แล้วด้วย เป็นต้องผวาเมื่อใครขู่ว่า จะให้ซีอุยมาจับไปกินตับ ผู้เขียนเองก็เคยนอนสั่นเมื่อแม่บอกว่าหากไม่รีบนอนซีอุยจะมาจับ โดนขู่แบบนี้ ใครกันจะหลับได้ลง สำหรับบูกี้แมนนั้นเป็นตำนานปีศาจร้ายที่ถูกเล่าต่อมาหลายยุคหลายสมัยหลายร้อยปี และจะยังคงอยู่ต่อไป แต่ 'ซีอุย' นั้น เพิ่งมาก่อร่างเป็นปีศาจร้ายเมื่อ ราว พ.ศ. 2500 นี่เอง และวันที่ 23 กรกฏาคม 2563 ตำนานจอมปีศาจก็จะจบลงซีอุยคือใครซีอุย หรือ หลีอุย แซ่อึ้ง คือผู้ที่ถูกประหารชีวิตในคดีฆ่าชำแหละเด็กชายสมบุญ บุญยกาญจน์ ที่จังหวัดระยอง พ.ศ. 2501 แต่ถึงเขาจะรับสารภาพว่ามีเพียงคดีนี้เท่านั้นที่ทำ แต่ก็ถูกเหมารวมว่าเขาคือฆาตกรโรคจิตที่ ก่อคดีฆ่าชำแหละ (อำเภอทับสะแก) เชือดคอ-ข่มขืน (อำเภอทับสะแก) เชือดคอ (อำเภอสามร้อยยอด) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ พ.ศ. 2497, คดีฆ่าผ่าศพ ที่สถานีรถไฟสวนจิตรลดา กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2497 และคดีฆ่าผ่าอก ที่พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม พ.ศ. 2500ซีอุย เป็นชายรูปร่างเล็ก อพยพจากจีนมาเพราะหนีทหาร ทำงานรับจ้างทั่วไปจึงทำให้มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และหลายครั้งที่ย้ายที่อยู่ก็จะเกิดคดีสะเทือนขวัญขึ้น และอย่างที่บอกข้างต้น ซีอุย รับสารภาพคดีสุดท้ายคดีเดียวเท่านั้นว่าเขาทำ แต่ด้วยลักษณะคล้ายกันจึงถูกเชื่อมโยงเข้ากับคดีอื่น ๆ ไปโดยปริยาย โดยเฉพาะคดีที่เกิดยังกรุงเทพฯ และนครปฐม ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเขาไม่รับ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับยอมรับ ส่วนนี้มีข้อมูลว่า เพราะซีอุยถูกหว่านล้อมว่าหากรับสารภาพจะพาส่งกลับเมืองจีน การเปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นปีศาจเรื่องราวของซีอุยถูกตีแผ่อย่างรวดเร็ว เข้าทำนองเล่นข่าวกันสนุก เพิ่มความอำมหิต และเป็นคนโรคจิตชอบฆ่าและกินตับเด็กเข้าไปอย่างสยดสยอง ทำให้เด็ก ๆ กลัวกับคำว่าซีอุย เป็นอย่างมาก และคิดดูเถอะ ต่อให้บูกี้แมนน่ากลัวเพียงไร แต่นั่นมันก็เป็นตำนานของทางต่างประเทศ ที่ไม่เห็นว่าจะนั่งเรือมาประเทศไทยเลยสักครั้ง แต่สำหรับซีอุยนั้น เขามาจากเมืองจีน ถึงประจวบคีรีขันธ์ ไปกรุงเทพฯ ไปนครปฐม ไประยอง และอาจจะมาเยือนหน้าบ้านของใครก็ได้หากเขาต้องการจะกินตับเด็กคนนั้น น่ากลัวไหม?นอกจากข่าวเล่นใหญ่แล้ว หลังจากนั้นมีทั้งภาพยนตร์ สารคดีนำเสนอความโรคจิตของซีอุยออกมาเต็มสูบ และคำว่า "ระวังซีอุยจะมากินตับ" ก็ฝังลึกเข้าไปในใจเด็ก ๆ เรียบร้อย เขาจึงเป็นทั้งความกลัว และสัญลักษณ์ของความอำมหิตผิดมนุษย์ ทั้ง ๆ ที่ความจริงหลายอย่างบอกว่าซีอุยเป็นผู้ถูกยัดเยียดซีอุยผู้ถูกยัดเยียดซีอุยถูกประหารเมื่อ 16 กันยายน 2502 โดยมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อว่าเขาเป็นผู้ก่อคดีทั้งหมด อีกทั้งเด็กหญิงที่รอดชีวิตจากอำเภอทับสะแกก็บอกว่า คนที่ทำร้ายเธอไม่ใช่ซีอุย แต่ถึงอย่างไรซีอุยก็รับสารภาพในคดีที่จังหวัดระยอง และเป็นเหตุสะเทือนใจอย่างยิ่ง เมื่อเขาถูกประหารและก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพูดให้ใครเชื่อได้ว่าคดีอื่น ๆ เขาไม่ได้ทำ เรื่องราวความโหดเหี้ยมจึงถูกยัดใส่อย่างไม่ยั้ง ศพของซีอุย ถูกเก็บไว้ใน "พิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน" โรงพยาบาลศิริราช พร้อมติดป้ายว่า "Si Quey ซีอุย แซ่อึ้ง (มนุษย์กินคน)"คำอธิบาย Si Quey ซีอุย แซ่อึ้ง (มนุษย์กินคน) เพิ่งถูกถอดและเปลี่ยนเป็น "นักโทษประหาร คดีฆ่าคนตาย" เมื่อ พ.ศ. 2562 เท่ากับว่า เขาถูกประจานอยู่ถึง 60 ปี ทั้ง ๆ ที่ได้รับโทษประหารไปแล้วคืนความเป็นมนุษย์ให้ซีอุยสาเหตุที่ป้ายมนุษย์กินคนถูกถอดออกมาจาก แคมเปญรณรงค์บนเว็บไซต์ Change.org หัวข้อ "นำร่างซีอุย แซ่อึ้งออกจากพิพิธภัณฑ์ศิริราช คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ล้างฉายามนุษย์กินคน" โดย ฟาโรห์ จักรภัทรานน ซึ่งให้เหตุผลว่า..."เพื่อให้สังคมไทยได้เรียนรู้จากความผิดพลาดว่า ในอดีตเคยมีชายคนหนึ่งตกเป็นจำเลยสังคม เพราะการเผยแพร่ข่าวลือที่ไม่มีพยานหลักฐานของสื่อสำนักพิมพ์ และเพื่อเป็นอีกหนึ่งย่างก้าวในการตระหนักถึงสิทธิและเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ทั้งตนเอง และผู้อื่นของคนไทยทั้งปวง"และเพราะจากเหตุผลข้างต้น ประกอบกับการที่ซีอุยได้รับโทษแล้ว เขาจึงได้รับการสนับสนุนให้คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเต็มที่ กระทั่งมีมติ ปลดพันธนาการให้ร่าง..ซีอุย โดยมีกำหนดการฌาปณกิจ ในวันที่ 23 กรกฏาคม 2563 ณ วัดบางแพรกใต้ จ.นนทบุรี โดยเรือนจำกลางบางขวางจะเป็นเจ้าภาพ และทราบมาว่า ชาวอำเภอทับสะแก บางส่วนจะมาร่วมงานด้วยกำหนดการคร่าว ๆ พิธีฌาปณกิจร่างซีอุย คือ ทำบุญเลี้ยงพระเวลา 9.00 น. และฌาปนกิจเวลา 12.00 น. หลังเพลิงมอดลง ก็หวังว่า วลี "ซีอุยกินตับ" ก็จะสูญสลายหายไปด้วยเช่นกัน ขอบคุณภาพถ่ายภาพที่ 1 วิกิพีเดียภาพที่ 2 วิกิพีเดียภาพที่ 3 si.mahidol.ac.th