รีเซต

ปลัด ศธ. เปิดข้อมูล ผู้ปกครอง 90% ยินดีให้ลูกฉีดวัคซีน สพฐ.ย้ำใช้ไฟเซอร์ฉีด

ปลัด ศธ. เปิดข้อมูล ผู้ปกครอง 90% ยินดีให้ลูกฉีดวัคซีน สพฐ.ย้ำใช้ไฟเซอร์ฉีด
ข่าวสด
20 กันยายน 2564 ( 15:26 )
61

ปลัด ศธ. เปิดข้อมูล ผู้ปกครอง 90% ยินดีให้ลูกฉีดวัคซีน สพฐ.ย้ำใช้ไฟเซอร์ฉีดนักเรียน เริ่มเปิดยื่นความประสงค์ 21 ก.ย. ได้วัคซีน 28 ก.ย.นี้

 

 

วันที่ 20 ก.ย.64 นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวว่า ความคืบหน้าการดำเนินการฉีดวัคซีนให้นักเรียนอายุ 12-18 ปีนั้น จากการทำความเข้าใจเบื้องต้นทราบผู้ปกครองกว่า 90% ที่ยินดีให้ลูกฉีดวัคซีน ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ. )แจ้งว่าวัคซีนจะเข้ามาวันที่ 28 กันยายนนี้ ดังนั้นคาดว่านักเรียนจะได้รับการฉีดวัคซีนตามวันและเวลาที่กำหนดแน่นอน

 

 

ด้าน นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อยู่ระหว่างสร้างความเข้าใจถึงข้อดีของการได้รับวัคซีนเพื่อให้ผู้ปกครองใช้ประกอบการตัดสินใจ ในใบแจงความประสงค์ยินยอม หรือไม่ยินยอม

 

 

ซึ่งตรงนี้ เป็นสิ่งที่สพฐ. กำลังรอตัวเลขที่ชัดเจนเช่นเดียวกัน เพราะยังไม่ถึงช่วงเวลาที่เปิดให้ผู้ปกครองแสดงความประสงค์ โดยจะเริ่มเปิดให้ยื่นความประสงค์ต่อสถานศึกษา ในวันที่ 21-24 กันยายน จากนั้นสถานศึกษาจะส่งข้อมูลให้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ก่อนส่งให้ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) เพื่อจัดส่งให้สาธารณสุขจังหวัด ดำเนินการจัดสรรวัคซีนต่อไป

 

 

คาดว่าขึ้นตอนต่างๆ จะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ โดยวัคซีนที่จะจัดฉีดให้นักเรียนจะเป็นไฟเซอร์เพียงอย่างเดียว เนื่องจากเป็นวัคซีนที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ให้การรับรอง

 

 

นายอัมพร กล่าวต่อว่า กรณีผู้ปกครองที่ไม่ยินยอมให้บุตรหลานฉีดวัคซีน และเมื่อมีการเปิดเทอม 2 เด็กที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนจะสามารถเรียนร่วมกับเด็กที่ได้รับการฉีดวัคซีนได้หรือไม่นั้น การให้เด็กเรียนออนไซต์ หรือให้มาเรียนที่โรงเรียนไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่า เด็กทุกคนต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจึงจะเปิดให้เรียนออนไซต์ได้ แต่เวลามาเรียนอาจต้องมีมาตรการดูแลที่แตกต่างกัน หรือหากผู้ปกครองยังไม่มั่นใจที่จะให้เด็กกลับมาเรียนที่โรงเรียนและประสงค์ให้เรียนออนไลน์เช่นเดิม ก็สามารถทำได้

 

 

“ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อยู่ระหว่างทำแผนเปิดเรียนให้ในแต่ละพื้นที่ โดยจะมีแนวทางการเปิดเรียนทั้งในพื้นที่ปลอดภัยและไม่ปลอดภัย รวมถึงมีข้อแนะนำว่า ต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง รวมถึง การกำหนดจำนวนนักเรียนต่อห้องที่เหมาะสม ทั้งหมดเป็นมาตรการที่จะต้องออกมาจากสธ.

 

 

ส่วน สพฐ. มีหน้าที่นำไปปฏิบัติ เบื้องต้นจากการหารือร่วมกับสธ. มีความคิดเห็นตรงกันว่า แต่ละจังหวัดไม่ควรใช้มาตรการเดียวกันทุกโรงเรียน ควรยึดพื้นที่ตำบล หรืออำเภอเป็นฐานในการเปิดเรียน”นายอัมพร กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง