ชีวิตเรานี้สั้นนัก..... ในช่วงเวลาของคนเราหากเราทั้งหลายลองมองย้อยดูด้วยสติปัญญาแล้วจะเห็นให้ว่าสิ่งต่างๆบนโลกใบนี้นั้นล้วนแล้วแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ไม่เว้นแม้แต่ชีวิตของเหล่ามนุษย์เราทั้งหลายล้วนแต่มีด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นก็คือ....มีการเกิด การแก่ การเจ็บป่วย และสุดท้ายก็จบลงที่การล้มหายตายจากด้วยกันเสียทุกท่าน หากแต่เราทั้งหลายยังไม่หลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้นั้นก็คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง และติดตามกันมาหรือเหล่าบรรดา กิเลส ตัณหา ทั้งหลายทั้งปวง ความรักความชอบในหน้าตาผิวพรรณทั้งหลายก็เป็นส่วนหนึ่งที่คอยเสริมสร้างและก็เพิ่มพูลตัวตัณหาหรือตัวก็เลสได้เป็นอย่างดีเมื่อมีความหลงเขาชอบเขารักเขาเกิดขึ้นมาในจิตใจแล้วในช่วงใดช่วงหนึ่งนั้นก็ช่างมีความสุขสดใสจิตใจอิ่มเอมไปด้วยความรักในปัจจุบันขณะ แต่เมื่อวันใดวันหนึ่งที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งบอกเลิกลากันไปตัวตัณหาและตัวกิเลสมันจะเริ่มทำงานแบบอัตโนมัตินั้นก็คือมันจะเริ่มโหมกระหน่ำเชื้อเพลิงเข้ามาในจิตใจของเราอย่างพร้อมเพียงกันซึ่งนั้นหมายความว่าตัวเรานั้นก็ต้องมีความทุกข์ตามมาเป็นของคู่กันหรือแม้แต่บางคนอาจจะขาดสติ....การที่เราขาดสตินะมันจะทำให้เราคิดไปต่างๆนาๆทุรนทุรายด้วยแรงของตัวกิเลสและตัณหานำพาไม่เป็นไปจนไม่รู้จักสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด...หากแต่ถ้าเราทั้งหลายมองดูตัวกิเลสตัณหาที่พาเป็นไปนี้ด้วยสติปัญญาแล้วจะรู้ว่าอ๋อไอ้ที่พาให้รักพาให็ทุกข์พาให้เจ็บปวดหรือแม้แต่พาให้ผิดหวังก็เพราะมันนี่แหละเป้นเหตุแล้วเราค่อยระงับมันลงด้วยคำว่า “สติ” แล้วเมื่อใดที่เราระงับมันลงได้แล้วเราจะรู้ว่าอ๋อทุกอย่างมันไม่ได้มีอะไรทุกอย่างมันว่างป่าวไปหมดก็เพราะสองตัวนี้แหละคือเหตุแห่งทุกข์ทั้งหลายของมนุษย์เราชาวพุทธลองพิจารณาดูเทอญ....... แต่เมื่อวันใดวันหนึ่งที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งบอกเลิกลากันไปตัวตัณหาและตัวกิเลสมันจะเริ่มทำงานแบบอัตโนมัตินั้นก็คือมันจะเริ่มโหมกระหน่ำเชื้อเพลิงเข้ามาในจิตใจของเราอย่างพร้อมเพียงกันซึ่งนั้นหมายความว่าตัวเรานั้นก็ต้องมีความทุกข์ตามมาเป็นของคู่กันหรือแม้แต่บางคนอาจจะขาดสติถึงขั้นทำร้ายกันต่างๆนาๆซึ่งเราทั้งหลายก็น่าจะเห็นกันอยู่บ่อยครั้ง..... และนั้นแหละคือขาดสติรักมากจนเป็นบ้านักก็ทุกข์ไม่รักก็ทุกข์ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมันไม่ได้มีอะไรเป็นแก่นสารมันเลยมีแต่ตัวของกิเลสตัณหานี่แหละที่เข้ามาทำให้เกิดฟืนเกิดไฟเผาไหม้ในดวงจิตดวงใจของแต่ล่ะคนมาไม่รู้ว่านานกี่เท่าไรแล้ว ชีวิตคนเรานี้มันแสนสั้นหนักเวลาในแต่ล่ะหนึ่งปีก็ผ่านไปเร็วแป๊ปๆเดียวก็สิ้นปีอีกๆนั้นก็หมายความว่าตัวเราตัวท่านทั้งหลายก็แต่ตัวกันขึ้นพร้อมที่จะพากันค่อยๆเดินไปในจุดเดียวกันนั้นก็คือการจากไปนั้นเองเราทั้งหลายพากันตกอยู่ในสิ่งเหล่านี้มานานกันเท่าไรแล้วไม่มีใครรู้ดังนั้นเราทั้งจะอยอมพากันให้ตัวกิเลสตัณหาทั้งหลายมาเผาไหม้หัวจิตหัวใจเราทุกชาติทุกภพขนาดนี้เชียวหรือ.... “จงพากันเร่งสร้างบุญสร้างกุศลสร้างบารมีกันด้วยการหมั่นเจริญจิตตภาวนากันเพื่อให้หลุดให้พ้นจากภพภูมิอันเป็นไปด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง ทั้งหลายนี้เทอญ(โห้หากลองมองดูดีๆนี่โอ้ยคนเรามนุษย์นิมันน่าสลดสังเวชแท้ๆ) ขอบคุณภาพจาก คุณชายต้น(ผู้เขียน)