TIPHเปิดไทม์ไลน์ลุยตปท. ปักหมุดกัมพูชาเป้าท็อป5

TIPH ลุย CLMV เล็งขยายอาณาจักรธุรกิจใน กัมพูชา หลังเห็นโอกาสการขยายตัวของธุรกิจที่มีศักยภาพ สะท้อนจาก GDP โตเฉลี่ยกว่า 7% ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา คาดเข้าลงทุนภายในปีนี้ พร้อมตั้งเป้าหมายสู่ท็อป 5 ในปี 2570
ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH กล่าวถึงแผนการขยายตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาใน CLMV ว่า กัมพูชาเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการนเข้าไปขยายธุรกิจของบริษัท เนื่องจากตลาดประกันวินาศภัยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจก็นับว่าโดดเด่นไม่แพ้กัน โดเฉลี่ยกว่า 7.79% ตั้งแต่ปี2558 - 2563 ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
โอกาสธุรกิจในCLMV
ข้อมูลของ TIPH ชี้ว่าในปี 2564กัมพูชามีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยเทียบกับ GDP ของประเทศ (penetration rate) อยู่ที่ 0.44% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ ขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาด ปัจจุบัน ค่อนข้างกระจาย โดยมีเพียงบริษัทประกันภัยรายเดียวที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 40% สะท้อนถึงโอกาสที่จะเข้าไปชิงพื้นที่เพิ่มส่วนแบ่งทางตลาดในกัมพูชา
“ซึ่งจากประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในธุรกิจประกันวินาศภัยในไทยของ TIP เชื่อว่าจะสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมตลาดในกัมพูชาได้ โดย TIPH คาดว่าหลังจากการเข้าลงทุนในประเทศกัมพูชาภายในปีนี้ บริษัทประกันภัยที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะสามารถเติบโต และได้ส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถขึ้นมาเป็น ท็อป 5 ได้ภายในปี 2570”
โดยก่อนหน้านี้ บริษัทได้มีการศึกษาที่จะขยายตลาดไปยังกัมพูชา ซึ่งรูปแบบมีความเป็นไปได้ว่าจะร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น 1ราย และเป็นพันธมิตรไทย 1 ราย ซึ่งทั้ง 2 แห่งไม่ได้ดำเนินธุรกิจประกันภัย โดยคาดว่าบริษัทที่กัมพูชาจะเปิดได้ภายในปีนี้ และมีงานเข้ามาในพอร์ตได้ทันทีที่เริ่มธุรกิจ เบื้องต้นบริษัทดังกล่าว ใช้ทุนจดทะเบียนประมาณ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
กูรูแนะซื้อ-กำไรปีนี้แรง
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด มองว่า หุ้น TIPH กำไรดีกว่าที่คาด เนื่องจากอัตราค่าสินไหมทดแทนที่กลับมาเป็นปกติ อาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับราคาหุ้น แนะนำ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 75.00 บาท ซึ่งTIPH กำไรไตรมาสแรกปีนี้ ที่ 639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.7% QoQ และเพิ่มขึ้น 1.1% YoY และคิดเป็น 29% จากประมาณการทั้งปี
อัตราค่าสินไหมทดแทนที่อยู่ในระดับ 61.5% ในไตรมาสแรกปีนี้ ลดลงอย่างมาก จากระดับใน 4/2565 ที่อยู่ที่ 78.9% และต่ำกว่าระดับใน ไตรมาส1/2565 ที่อยู่ที่ 68.7% ช่วยขจัดความเสี่ยงเชิงลบจากการคาดการณ์ของฝ่ายวิเคราหะที่มองในเชิงรับในระดับ 66.0% สำหรับปี 2566 และ 65% สำหรับปี 2567 สอดคล้องกับแนวโน้มจากผู้บริหารก่อน หน้านี้ที่คาดว่าอัตราส่วนค่าสินไหมทดแทนจะดีขึ้นในไตรมาส 1/2566
อัตราค่าสินไหมทดแทนไตรมาส 1/66 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือเพียง 61.5% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ในรอบปีเต็มที่ 66.0% ความเสี่ยงด้านลบได้ถูกลบออกไปแล้ว ผลประกอบการในปี 2566 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 87% เป็น 2,180 ล้านบาท (เกินค่าสูงสุดก่อนหน้านั้นที่ 2,045 ล้านบาท เมื่อปี 2563)