หมายเหตุ : เนื้อหานี้เป็นเพียงการรีวิวจากความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น หากผิดพลาดแต่ประการใด ทางผู้เขียนก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับอาการ "ติดอ่าง" เป็นอาการที่มักเกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกเพศทุกวัย เวลาจะพูดคำไหนหรือประโยคไหนออกไปทีไรมันก็จะดูติดๆ ขัดๆ ไปหมด รู้สึกไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ตะกุกตะกัก ลุกลี้ลุกลน เสียสมาธิทำตัวไม่ค่อยถูกเมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องอยู่ในสถานที่ที่มีแต่ความตึงเครียดและกดดัน และเมื่อไหร่ก็ตามที่อยู่ต่อหน้าคนที่ไม่คุ้นเคยก็จะสั่นไปหมด ถ้าหากอยู่กับตัวเองหรืออยู่กับคนที่สนิทจริงๆ ก็จะพูดดีอีกแบบหนึ่ง หรือถ้าต้องอ่านออกเสียง ร้องเพลง พูดกับสัตว์ หรือฝึกพูดกับตัวเองคนเดียวอันนี้ไม่ค่อยจะมีปัญหา และนี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งอาการที่ตัวผมเองก็เป็นด้วยเช่นกัน ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันก็ยังคงเป็นอยู่ ซึ่งสาเหตุเบื้องต้นส่วนใหญ่ของอาการติดอ่าง ก็จะมาจากสิ่งดังต่อไปนี้สภาพแวดล้อมและสังคมที่ไม่คุ้นเคย : สถานที่ต่างๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็แล้วแต่ที่คิดว่าไม่คุ้นเคยแน่นอนว่าการวางตัวมันก็จะลำบากไปด้วย ปรับตัวได้ค่อนข้างยาก ด้วยความที่ยังไม่คุ้นชินกับสถานที่นั้นๆ แล้วสิ่งที่จะตามมาเลยนั้นก็คือการสื่อสารกับผู้คนที่ดูเงอะๆ งะๆ ตะกุกตะกัก ไม่ค่อยมีความมั่นใจในการพูดเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคย ถ้าเป็นคนที่คิดว่าสนิทและคุ้นเคยกันดีมันก็ไม่มีปัญหาอะไรการถูกกดดัน : แน่นอนว่าสาเหตุหลักๆ ส่วนใหญ่ของอาการติดอ่างก็จะมาจากข้อนี้ด้วย ในแต่ละครั้งที่เราต้องพูดต่อหน้าคนไม่ว่าจะ 1 คน 2 คนหรือมากกว่านั้น สายตาของฝั่งตรงข้ามที่เขาจ้องมองมาที่เรามันคอยกดดันอย่างมาก ทำให้จังหวะในการพูดมันดูติดๆ ขัดๆ ดูเกรงอยู่ตลอดเวลา ขาดความมั่นใจ พูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ราวกับว่าทำตัวมีพิรุธยังไงยังงั้นความตื่นเต้น : อันนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นอะไรที่ Basic สุดๆ แล้ว ความตื่นเต้นนี่แหละคือตัวการที่จะทำให้เรามีโอกาสพูดติดอ่างได้ง่ายขึ้น บางคนเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกมา Present งานหน้าชั้นเรียนหรือต้องออกมาพูดต่อหน้าผู้คนมากหน้าหลายตา แน่นอนว่าอากรตื่นเต้นมันก็จะมาในทันที มือสั่น ขาสั่น เสียงสั่น จะพูดออกมาแต่ละครั้งมันก็รู้สึกประหม่า ตะกุกตะกัก ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แถมยังเป็นเหมือนตัวตลกในสายตาคนรอบข้างอีกด้วยสภาพทางจิตใจ : ซึ่งในที่นี้ก็จะหมายถึงความเครียด ความกลัว ความวิตกกังวล รวมไปถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในชีวิตต่างๆ มากมาย สิ่งเหล่านี้จะส่งผลทำให้ทักษะในการพูดค่อยๆ เริ่มดรอปลง ความมั่นใจลดลง เวลาที่ต้องพูดต่อหน้าใครมันก็จะดูไม่ค่อยมีอารมณ์อยากจะพูดออกมา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเราจะมีวิธีแก้อาการติดอ่างนี้อย่างไรบ้าง ?1. ฝึกตั้งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ : สมาธิถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ในแต่ละครั้งก่อนที่เราจะพูดอะไรออกไปก็แล้วแต่ของให้ตั้งสติและสมาธิก่อนเสมอ หายใจเข้าออกลึกๆ เมื่อจิตใจเราค่อยๆ สงบลงเราก็จะสามารถพูดออกมาได้ชัดถ้อยชัดคำ ดูใจเย็นไม่เร่งรีบมากเกินไป2. ฝึกอ่านออกเสียง : ถ้าหากเป็นไปได้ ให้ลองหาหนังสืออะไรก็ได้ที่เราคิดว่าสนใจมาสักเล่มเอามาฝึกอ่านออกเสียงดู หรือไม่เราก็อาจจะเปิดอ่านพวกข่าวออนไลน์หรือบทความต่างๆ ในการฝึกอ่านออกเสียงก็ได้เช่นกัน ลองนำไปฝึกกับตัวเองดูนะ3. ฝึกพูดตามคนอื่น : ไม่ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์ ดาราคนดัง ไลฟ์โค้ช ยูทูบเบอร์ หรือใครก็แล้วแต่ที่เขาพูดเก่งๆ เราก็สามารถฝึกพูดตามเขาได้ทุกเมื่อ เท่ากับว่าเป็นการฝึกฝนทักษะตัวเองในเรื่องทักษะการพูดไปในตัวด้วย เวลาที่ได้พูดกับใครจะได้รู้สึกมั่นใจและก็ไม่ติดขัด ชัดถ้อยชัดคำ4. พูดให้ช้าลงสักนิด : ปรับเปลี่ยนวิธีการพูดให้มีความ Soft พูดให้ช้าลง แต่มันก็ไม่ใช่ว่าช้าจนเนิบ เอื่อยเฉื่อยมากขนาดนั้น แบบนี้คนที่ฟังอาจจะหลับเสียก่อน ไปช้าๆ เรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ คิดค่อยๆ เรียบเรียงให้ดีก่อนแล้วพูดมันออกมา5. ใช้ภาษามือเข้าช่วย : ภาษามือถือเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่จะช่วยให้เราพูดได้ไหลลื่นขึ้น พอที่จะหายติดอ่างได้บ้างในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความน่าเชื่อถือ ลดความวิตกกังวล ลดความตึงเครียดเวลาที่พูดกับใครสักคน6. ฝึกพูดกับตัวเอง : หลายคนคงจะคิดว่าการที่เราต้องฝึกพูดกับตัวเองนั้นคนอื่นจะมองว่าไม่ค่อยปกติ อย่าไปคิดเช่นนั้นเลย เราเพียงแค่ใช้เวลาที่มีค่าในการอยู่กับตัวเองเพื่อฝึกฝนทักษะการพูดให้ดีขึ้น อาจจะฝึกพูดหน้ากระจก ฝึกจ้องมองตาในขณะที่กำลังพูด เสมือนกับว่าเรากำลังคุยกับคนคนหนึ่งอยู่ แต่แนะนำว่าให้ไปที่ห้องหรือว่าที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่าน อย่างที่บอกคือเขาจะหาว่าเราไม่ปกติได้7. อย่ากดดันตัวเอง : ต่อให้คนอื่นจะกดดันเรามากน้อยเพียงใดก็ตาม แต่ถึงกระนั้นเราก็อย่าไปกดดันตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก ยิ่งเราพยายามกดดันตัวเองมากเท่าไหร่สภาพจิตใจก็จะยิ่งมีปัญหาตามมา มีความเครียดสะสม วิตกกังวล เกิดความประหม่า การพูดก็จะดูผิดเพี้ยน เงอะๆ งะๆ ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่ ดังนั้นขอให้ทำตัวทำใจให้สบายๆ ใครจะว่ายังไงช่างเขา คิดเสียว่าคนอื่นเขาพูดไม่เก่งแบบเรา แต่เราพูดได้เก่งกว่า จงมั่นใจในตัวเองเข้าไว้ แชร์ประสบการณ์จากผู้เขียนต้องบอกเลยว่าตัวผมเองก็เป็นในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน แถมยังเคยเป็นหนักด้วย ตอนสมัยที่ผมยังเรียนระดับชั้นประถม - มัธยมต้นก็เคยถูกทั้งเพื่อนในห้องเรียนรวมถึงครูล้อและแซวไปต่างๆ นานา ด้วยความที่ตัวผมเองก็เป็นคนที่ความมั่นใจในตัวเองเป็น 0 คือไม่มีเลย แถมพอรู้ว่าต้องออกมา Present งานหน้าชั้นเรียนมันก็เกิดอาการตื่นเต้น สั่นไปหมดทั้งตัว เกิดความกังวลประหม่า พูดออกมาแต่ละทีคือแทบจะไม่เป็นภาษามนุษย์ มีความตะกุกตะกัก เสียงสั่น ติดอ่าง จนเพื่อนในห้องรวมทั้งครูต่างหัวเราะกันทั้งห้อง แล้วผมก็ได้กลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนเหล่านั้นไปแล้ว จนกระทั่งพอเริ่มโตขึ้นก็ยอมรับว่ายังคงเป็นอยู่เรื่อยมา แต่จะโชคดีหน่อยที่อยู่ในสังคมที่ค่อนข้างมีวุฒิภาวะ มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ผมก็เริ่มพัฒนาตัวเอง เริ่มฝึกฝนทักษะการพูด ทั้งการฝึกพูดตามในละครบ้าง ในยูทูบบ้าง บางครั้งก็ฝึกพูดกับตัวเองคนเดียวก็มี ผมก็ค่อยๆ ฝึกฝนไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบร้อน พูดช้าๆ ชัดๆ ให้ฟังแล้วเข้าใจได้ง่ายขึ้น มีสติและสมาธิทุกครั้งก่อนจะพูดอะไรออกไป พยายามที่จะไม่กดดันตัวเอง ยิ่งกดดันมันก็จะยิ่งเครียดหนัก ผลลัพธ์ที่ได้คือก็เริ่มที่จะพูดชัดถ้อยชัดคำขึ้นในระดับหนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้ถึงกับหายขาดแบบ 100% ก็ยังคงต้องฝึกต่อไปเรื่อยๆ ต้องใช้เวลาค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ทุกอย่างถึงจะดีขึ้นได้เองครับก็จบกับไปแล้วนะครับสำหรับเนื้อหาในวันนี้ ต้องบอกก่อนว่าวิธีทั้งหมดที่ผมได้กล่าวไปมันไม่ใช่สูตรที่ตายตัว และไม่ได้หมายความว่าใช้แล้วมันจะต้องหายขาดในทันที ลองค่อยๆ ปฏิบัติไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ แล้วมันจะค่อยๆ เห็นผลเองไม่ช้าก็เร็ว ใครที่กำลังประสบกับปัญหานี้อยู่ก็ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กันดูนะครับ หวังว่ามันคงจะเป็นประโยชน์กับทุกๆ คนได้ไม่มากก็น้อย ฝากด้วยนะขอบคุณมากครับ เครดิตรูปภาพทั้งหมดจากเว็บไซต์ : Freepik.comภาพหน้าปก : cookie_studioภาพที่ 1, 2, 3, 4, 5, ภาพสุดท้าย : freepik ติดตามข่าวสาร คอนเทนต์เด็ด ๆ ก่อนใคร อย่าช้า โหลดเลยที่ TrueID !!