“ยุโรป” ยกเลิกแผนแบนรถยนต์สันดาปภายในปี 2035 หรือการมุ่งสู่พลังงานสะอาดจะล้มเหลว?

คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป เปิดเผยการยกเลิกข้อตกลงแบนการจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปตั้งแต่ปี 2035 เป็นต้นไป หลังจากเผชิญกับแรงกดดันจากอุตสาหกรรมยานยนต์ แม้ว่ามาตรการนี้จะได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ประเทศตั้งแต่ปี 2022 นับเป็นการถอยหลังด้านนโยบายสีเขียวครั้งใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป 

ข้อเสนอใหม่นี้ทำให้สหภาพยุโรปปรับเป้าหมายจากการบังคับรถยนต์ทุกคนบนท้อนถนนต้องปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ภายในปี 2035 เป็นการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลง 90% นั่นหมายถึงรถยนต์บางประเภทที่ใช้เครื่องยนต์แบบสันดาปเช่น รถยนต์ไฮบริด หรือรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เชื้อเพลิงสังเคราะห์และเชื้อเพลิงธรรมชาติยังคงสามารถอยู่บนท้องถนนได้หากผู้ผลิตรถยนต์สามารถชดเชยคาร์บอนได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด

ด้านผู้ผลิตรถยนต์มองว่ามาตรการเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสะอาด จากรถยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิลสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% ไม่สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ และมาตรการช่วยเหลือ รองรับทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคยังไม่ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ผลิตรถไฟฟ้าจากจีน และแนวโน้มความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลกอาจกำลังชะลอตัวลง ข้อกำหนดที่ขาดความยืดหยุ่นอาจทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของยุโรปรับมือกับการปรับตัวไม่ทัน และเสี่ยงขาดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกได้

ขณะเดียวกันในมุมของนักสิ่งแวดล้อมมองว่า การถอนข้อตกลงแบนรถไฟฟ้าพลังงานสันดาปทั้งหมดภายในปี 2035 หรือแม้กระทั่งลดเป้าหมายจากการปลอดไอเสียแบบ 100% เป็น 90% แม้จะเป็นตัวเลขที่ไม่มาก แต่ในเชิงนโยบายผ่อนปรนแสดงถึงความไม่แน่นอน และอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนได้ในอนาคต