คุณเคยรู้สึก "โดดเดี่ยว" อย่างแท้จริงบ้างไหมครับ? ไม่ใช่ความเหงาที่เกิดจากการไม่มีใครอยู่ข้างๆ แต่เป็นความรู้สึกของการเป็นเพียงจุดเล็กๆ ในโลกที่กว้างใหญ่และล่มสลายไปแล้ว... นั่นคือความรู้สึกแรกที่ผมสัมผัสได้ เมื่ออัศวินแมลงตัวน้อยของผมก้าวเท้าลงสู่เมืองเดิร์ธเมาธ์ ที่รกร้าง เสียงลมหวีดหวิวพัดผ่านซากบ้านเรือน มีเพียงผู้เฒ่าแมลงเพียงตัวเดียวที่นั่งรอคอยอย่างสิ้นหวังอยู่บนม้านั่ง และเบื้องล่างของเมืองนั้น คือปากทางสู่อาณาจักรที่ถูกโลกลืม... ฮอลโลว์เนสต์ พร้อมกับดาบเก่าๆ (ที่จริงๆ คือตะปู) เพียงเล่มเดียว ผมตัดสินใจกระโดดลงไปในความมืดนั้น โดยไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นการเดินทางกว่า 80 ชั่วโมงที่จะเปลี่ยนแปลงมุมมองของผมที่มีต่อวิดีโอเกมไปตลอดกาล นี่ไม่ใช่บทรีวิวครับ แต่นี่คือบันทึกความทรงจำ คือบทเพลงแห่งความรู้สึกที่ผมอยากจะบรรเลงให้คุณฟัง เกมเพลย์ โลกที่สัมผัสได้ผ่านปลายตะปู หัวใจของ Hollow Knight คือการสำรวจ และการต่อสู้ที่เรียบง่ายแต่ "ลึกซึ้ง" อย่างไม่น่าเชื่อ การควบคุมอัศวินน้อยของเรามันตอบสนองได้ดีเยี่ยม ทุกการกดปุ่มมันให้ความรู้สึกที่แม่นยำและมีน้ำหนัก คุณจะรู้สึกได้ถึงแรงเหวี่ยงของตะปูทุกครั้งที่ฟาดฟัน และจังหวะที่เหมาะเจาะของการกระโดดหลบหลีก การต่อสู้ในเกมนี้เปรียบได้กับการ "เต้นรำบนคมดาบ" อย่างแท้จริง ศัตรูทุกตัวมีรูปแบบการโจมตีที่ชัดเจน แต่มันรวดเร็วและอันตราย คุณไม่สามารถวิ่งเข้าไปฟันมั่วๆ ได้เลย แต่ต้องเรียนรู้จังหวะของมัน รอคอยช่องว่างเพียงเสี้ยววินาทีเพื่อสวนกลับ มันคือบททดสอบของสมาธิและความอดทน ผมยังจำความรู้สึกตอนที่สู้กับบอสอย่าง Hornet หรือ a Mantis Lords ได้ดี ผมตาย... ตายแล้วตายอีก... ตายจนหัวร้อน แต่ทุกครั้งที่ตาย ผมรู้ว่ามันคือความผิดพลาดของผมเอง และในวินาทีที่ผมเอาชนะพวกมันได้ในที่สุด ผมไม่ได้รู้สึกแค่ดีใจ แต่มันคือความรู้สึก "ภาคภูมิใจ" ที่เอาชนะขีดจำกัดของตัวเองได้สำเร็จ ส่วนระบบการรักษาตัวเอง ก็เป็นหัวใจหลักของเกมนี้ คือคุณในระหว่างเดินทางคุณต้องรวบรวม "โซล" จากการโจมตีศัตรู และเมื่อคุณได้รับความเสียหายจนใกล้จะตาย คุณจะสามารถใช้เวทมนต์กดฟื้นฟูตัวเองได้ ซึ่งมันจะทำให้การเดินทางของคุณเป็นไปได้อย่างต่อเนื่องและลื่นไหล เพราะถ้าคุณเผลอพลาดตายไปทีนี่เดินจากจุดเซฟกลับมายังจุดเดิมเลยนี่อย่างยาว และมันยังสร้างความตึงเครียดในระดับที่ยอดเยี่ยมในระหว่างที่คุณกำลังต่อสู้กับบอสอีก เพราะคุณต้องเลือกระหว่างการโจมตีต่อเพื่อสร้างความเสียหาย หรือจะถอยออกมาหาจังหวะที่ปลอดภัยเพื่อรักษาตัวเอง... ซึ่งจังหวะนั้นอาจไม่มีอยู่จริงเลยก็ได้ เพราะบอสมันจะหาช่องทางโจมตีคุณในขณะที่คุณกำลังฮีลตัวเองอยู่ และแน่นอน การเดินทางในโลกแบบ Metroidvania ที่เป็นจุดเด่นของเกมนี้ อาณาจักรฮอลโลว์เนสต์นั้นกว้างใหญ่ไพศาลและเชื่อมต่อกันอย่างซับซ้อน ในช่วงแรกคุณจะรู้สึกหลงทางและอึดอัด แต่เมื่อคุณได้รับความสามารถใหม่ๆ เช่น การพุ่งตัว หรือการกระโดดสองจังหวะ พื้นที่ที่เคยไปไม่ได้ก็จะเปิดออก ความรู้สึกตอนที่ย้อนกลับไปในที่เก่าๆ แล้วพบทางลับที่ซ่อนอยู่ หรือการเปิดทางลัดที่เชื่อมพื้นที่ห่างไกลสองแห่งเข้าไว้ด้วยกัน มันคือความสุขของการค้นพบที่หาได้ยากในเกมยุคนี้จริงๆ เรื่องเล่าที่สั่นสะเทือนในใจ นี่คือส่วนที่ทำให้ Hollow Knight ได้ถูกยกสถานะตัวเองจาก "เกมที่ดี" ไปสู่ "ผลงานระดับตำนาน" ครับ เกมนี้แทบจะไม่มีคัตซีนหรือตัวหนังสือมาอธิบายเนื้อเรื่องให้คุณฟังเลย มันเลือกที่จะเล่าเรื่องราวโศกนาฏกรรมของอาณาจักรนี้ผ่าน "สภาพแวดล้อม" ที่คุณเดินทางผ่าน, ผ่านบทสนทนาสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยความหมายของเหล่า NPC ที่กระจัดกระจายกันอยู่, และผ่านคำอธิบายของเครื่องรางที่คุณเก็บได้ มันทำให้ผู้เล่นอย่างเรากลายเป็นเหมือน "นักโบราณคดี" ที่ต้องค่อยๆ ปะติดปะต่อเรื่องราวอันแสนเศร้าของอาณาจักรนี้ด้วยตัวเอง อัศวินน้อยของเราเป็นเพียง "ภาชนะที่ว่างเปล่า" เขาไม่มีเสียง ไม่แสดงอารมณ์ ซึ่งนั่นคือความตั้งใจของผู้สร้าง มันทำให้เราสามารถนำความรู้สึกของตัวเองเข้าไปใส่ในตัวเขาได้อย่างเต็มที่ ความโดดเดี่ยวของเขาคือความโดดเดี่ยวของเรา ความมุ่งมั่นของเขาคือความมุ่งมั่นของเรา ตัวละครสมทบทุกตัวในเกมนี้ล้วนน่าจดจำและเต็มไปด้วยเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็น คอร์นิเฟอร์ นักเขียนแผนที่ผู้ร่าเริงที่เสียงฮัมเพลงของเขาเป็นเหมือนแสงสว่างเดียวในความมืด เควอร์เรล นักเดินทางผู้เปี่ยมด้วยปัญญาที่คอยปรากฏตัวมาให้คำแนะนำเราในยามที่ต้องการ หรือ โซตผู้ยิ่งใหญ่ อัศวินจอมปลอมที่สร้างทั้งความรำคาญและเสียงหัวเราะให้เราได้เสมอ ตัวละครเหล่านี้คือจุดพักพิงทางใจที่ทำให้การเดินทางอันแสนอ้างว้างนี้ไม่เดียวดายจนเกินไป ยิ่งคุณดำดิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งค้นพบความจริงอันน่าสลดใจเกี่ยวกับสิ่งที่กัดกินอาณาจักร การเสียสละอันยิ่งใหญ่ของกษัตริย์และเหล่าอัศวิน, และโศกนาฏกรรมของตัวละครบางตัวที่ถูกจองจำอยู่ใจกลางของเรื่องราวทั้งหมด มันคือเรื่องเล่าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แต่ในขณะเดียวกันก็มีความงามและความหวังเล็กๆ ซ่อนอยู่เสมอ ศาสตร์และศิลป์แห่งการสร้างโลก โลกของ Hollow Knight คือบทพิสูจน์ว่ากราฟิก 2D ที่วาดด้วยมือสามารถสร้างโลกที่น่าจดจำและชวนให้ดำดิ่งได้ไม่แพ้เกม 3D ฟอร์มยักษ์เลยแม้แต่น้อย ลายเส้นที่ดูเรียบง่ายเหมือนการ์ตูนกลับสามารถถ่ายทอดบรรยากาศที่หลากหลายได้อย่างน่าทึ่ง แต่ละพื้นที่ในฮอลโลว์เนสต์มีเอกลักษณ์และบรรยากาศเป็นของตัวเองอย่างชัดเจน ตั้งแต่ Greenpath ที่เขียวชอุ่มและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา City of Tears เมืองหลวงที่ฝนตกตลอดกาลพร้อมกับเสียงเปียโนอันแสนเศร้า Deepnest รังแมงมุมอันมืดมิดที่เต็มไปด้วยเสียงกระซิบและอันตรายจนทำให้ผมรู้สึกอึดอัดอย่างแท้จริง ไปจนถึง Kingdom's Edge ที่หิมะสีขาวโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย... ทุกพื้นที่คือภาพวาดที่มีชีวิต และองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้เลยคือดนตรีประกอบของ"คริสโตเฟอร์ ลาร์คิน มันไม่ใช่แค่เพลงประกอบฉาก แต่มันคือ "จิตวิญญาณ" ของเกมนี้ ดนตรีของเขาสามารถทำให้เรารู้สึกเหงา ตื่นเต้น ยิ่งใหญ่ และใจสลายได้ในเวลาเดียวกัน ผมยังจำความรู้สึกตอนที่เดินทางมาถึง City of Tears ครั้งแรกได้ดี เสียงฝนที่โปรยปรายพร้อมกับเสียงเปียโนที่บรรเลง มันทำให้ผมต้องหยุดเดินแล้วนั่งฟังอยู่นาน... มันคือความงดงามที่เคลือบด้วยความเศร้าอย่างสมบูรณ์แบบ บทสรุปส่งท้าย Hollow Knight ไม่ใช่เกมสำหรับทุกคนครับ มันเป็นเกมที่ท้าทาย ไม่เคยปรานีผู้เล่น และต้องการความอดทนในการสำรวจและเรียนรู้ แต่ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่พร้อมจะเปิดใจและดำดิ่งลงไปในความมืดมิดนั้น รางวัลที่คุณจะได้รับกลับมาคือหนึ่งในประสบการณ์การเล่นเกมที่ล้ำค่าและน่าจดจำที่สุดในชีวิต มันคือเกมสำหรับนักสำรวจ สำหรับนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้ และสำหรับคนที่ชอบค้นหาความจริงด้วยตัวเอง ท้ายที่สุดแล้ว "จิตวิญญาณ" ของ Hollow Knight ที่ถูกผนึกไว้และทิ้งไว้ในใจของผม คือ "ความงามที่ค้นพบได้ในความเสื่อมสลาย" มันคือการเดินทางที่สอนให้เรารู้ว่าแม้ในอาณาจักรที่มืดมิดและสิ้นหวังที่สุด ก็ยังคงมีเรื่องราวที่น่าค้นหา มีความท้าทายให้เอาชนะ, และมีบทเพลงแห่งความโศกเศร้าที่งดงามรอให้เราไปรับฟังอยู่เสมอ Hollow Knight ไม่ใช่แค่วิดีโอเกม... มันคือบทกวี คือการเดินทางที่เราทุกคนควรได้สัมผัสสักครั้งในชีวิตครับ เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !