รีเซต

ชาวไร่ยาสูบ6จว.เหนือไม่ทนบุกร้องรมว.คลัง ขึ้นราคารับซื้อสะท้อนต้นทุนจริง

ชาวไร่ยาสูบ6จว.เหนือไม่ทนบุกร้องรมว.คลัง ขึ้นราคารับซื้อสะท้อนต้นทุนจริง
มติชน
31 สิงหาคม 2565 ( 20:33 )
109

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม นายกิตติทัศน์ ผาทอง ตัวแทนสมาคมผู้บ่มผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบ จ. เชียงราย กล่าวหลังนำชาวไร่กว่า 200 คน เข้ายื่นหนังสือถึงนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังผ่านศูนย์ดำรงธรรม จ. เชียงราย เพื่อขอให้ช่วยเหลือจากปัญหาต้นทุนการผลิตใบยาสูบที่เพิ่มสูงขึ้น และการลดโควตารับซื้อใบยาพันธุ์เวอร์จิเนียสำหรับฤดูกาลผลิต 2565/66 ว่า ตัวแทนชาวไร่ยาสูบพันธุ์เวอร์จิเนียกว่า 1,200 คนในภาคเหนือ นัดรวมตัวกันหน้าศูนย์ดำรงธรรมของแต่ละจังหวัด เพื่อยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังขอให้ช่วยเหลือชาวไร่และผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 1 หมื่นคนที่ต้องเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนปัจจัยการผลิตยาสูบ เช่น ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ค่าไฟฟ้า ค่าฟืน และค่าแรงงานเพิ่มสูงขึ้นกว่า 60 % แต่ราคารับซื้อใบยาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย(ยสท.) ไม่ได้ปรับขึ้นให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงเลย ราคารับซื้อใบยาของ ยสท. ในปัจจุบันใช้มาเกือบ 10 ปีแล้ว หาก ยสท. ยังยืนยันจะใช้ราคาเดิม ชาวไร่และผู้บ่มฯ ก็ไม่สามารถปลูกใบยาสูบและประกอบอาชีพต่อไปได้

 

นายกิตติทัศน์กล่าวว่า การปลูกและบ่มใบยาพันธุ์เวอร์จิเนียในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน แพร่ น่าน และพะเยา เป็นอาชีพท้องถิ่นที่ทำต่อเนื่องกันมาตลอดกว่า 60 ปี แต่ละปีมีผลผลิตใบยาประมาณ 10 ล้านกิโลกรัมส่งขายให้กับ ยสท. สร้างรายได้ให้ท้องถิ่นรวม 1,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 30,000 บาทต่อครอบครัว แต่จากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตยาสูบหลายครั้งตั้งแต่ปี 2560 ทำให้ ยสท. ปรับลดโควตารับซื้อใบยาพันธ์เวอร์จิเนียลง 50% เป็นเวลา 4 ปีติดต่อกันและจะประกาศลดโควตาลงอีก 25% สำหรับฤดูกาลผลิต 2565/66 ที่จะถึงนี้ ทำให้โควตาใบยาพันธ์เวอร์จิเนียถูกลดลงไปกว่า 56%


“หากราคารับซื้อของ ยสท. ยังเท่าเดิม และมีการลดโควตาลงอีก ชาวไร่คงทำอาชีพต่อไปไม่ได้แน่ๆ จึงอยากขอความช่วยเหลือผ่านศูนย์ดำรงธรรมไปยังกระทรวงการคลังและกรมสรรพสามิต ให้ชะลอการลดโควตาหรือปรับอัตราการลดโควตาไม่ให้สูงเกินไป และขอให้ ยสท. ช่วยเหลือต้นทุนการผลิตยาสูบที่เพิ่มสูงขึ้นตามความเป็นจริง”นายกิตติทัศน์กล่าว

 

ด้านนายอรุณ โปธิตา ตัวแทนสมาคมพัฒนาชาวไร่บ่มเอง จ. เชียงใหม่ ซึ่งร่วมยื่นหนังสือกับตัวแทนชาวไร่จังหวัดเชียงใหม่ 200 คน ยื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรม จ. เชียงใหม่ กล่าวว่า ยสท. กำลังทำนาบนหลังชาวไร่ ประคองยอดขายและกำไรของตัวเองโดยขูดรีดเอารัดเอาเปรียบชาวไร่ ลดต้นทุนตัวเองด้วยการกดราคารับซื้อใบยาแห้ง ทั้งๆ ที่ชาวไร่มีต้นทุนค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ค่าฟืน ค่าแรงงาน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการทำยาแห้งสูงขึ้นกิโลกรัมละ 10-15 บาท แต่ ยสท. จะช่วยแค่ครึ่งหนึ่ง และผลักภาระให้ชาวไร่แบกรับต้นทุนเองอีกครึ่งหนึ่ง ซึ่งเท่ากับชาวไร่ต้องขายใบยาในราคาที่ขาดทุน จึงอยากให้ ยสท. ช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้ตามความเป็นจริง เพื่อให้สะท้อนต้นทุนในการทำไร่ยาสูบ

 

 

“ในรายงานประจำปีล่าสุดของ ยสท. เขียนไว้สวยหรูว่า เป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม คำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน อยากให้ ยสท. ดูแลชาวไร่ยาสูบให้ดีกว่านี้”นายอรุณกล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง