นายกฯ มอบนโยบาย กอ.รมน. สกัดภัยคุกคามแก๊งคอลฯ - สแกมเมอร์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในงานสรุปผลการปฏิบัติงานประจำปี 2568 และแถลงแผนการปฏิบัติงานประจำปี 2569 ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยเน้นย้ำว่า ปัญหาด้านความมั่นคงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และจัดการกับภัยคุกคามทุกรูปแบบที่เป็นภัยต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของชาติ

จากการหารือร่วมกับผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรอง ผอ.รมน. ได้มีการกำหนดทิศทางการปฏิบัติงานของ กอ.รมน. ในปี 2569 ให้มุ่งสู่ "ความมั่นคงที่ยั่งยืน ทันสมัย และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง" โดยเปลี่ยนการทำงานจากเชิงรับเป็นเชิงรุก มุ่งแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ และเน้นการทำงานแบบบูรณาการเพื่อให้เกิดผลชัดเจนและตอบสนองต่อปัญหาของประชาชนในทุกสถานการณ์

นายกรัฐมนตรีได้มอบแนวทางปฏิบัติงานแก่ทุกหน่วยงานของ กอ.รมน. เพื่อให้บรรลุผลในปี 2569 โดยแบ่งเป็น 3 ประเด็นหลัก ดังนี้:

การป้องกันภัยคุกคามเร่งด่วน

มุ่งเน้นการยับยั้งเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการสกัดกั้นภัยคุกคามข้ามชาติและปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดน รวมถึงสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการทำงานเชิงลึกในพื้นที่ และใช้การมีส่วนร่วมของประชาชนในการสร้างสันติสุข ลดเหตุรุนแรง และลดจำนวนจุดเสี่ยงลงอย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ ยังรวมถึงการสนับสนุนปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์, สแกมเมอร์, อาชญากรรมออนไลน์ และก่อการร้ายข้ามชาติ พร้อมสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน และขยายเครือข่ายการแจ้งเบาะแสให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ตลอดจนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบด้วยการประสานงานกับหน่วยงานหลักอย่างรวดเร็ว

"การบริหารจัดการข้อมูลข่าวสาร กอ.รมน. ต้องพัฒนาขีดความสามารถด้านข่าวกรองให้รู้จริง รู้เร็ว และแม่นยำ พร้อมเสริมมาตรการสกัดกั้นข่าวปลอม (Fake News) ที่บิดเบือนข้อเท็จจริง และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความแตกแยกในสังคม" นายกรัฐมนตรีกล่าว

การสนับสนุนงานรัฐบาลและการดูแลประชาชน

มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตควบคู่กับการแก้ไขปัญหาความมั่นคงเชิงพื้นที่ โดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน, การค้ามนุษย์ และสถานะบุคคลของคนไร้รัฐ-ไร้สัญชาติ รวมถึงสนับสนุนการดำเนินงาน "แผนตำบล มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" เพื่อให้ชุมชนเป้าหมายได้รับงบประมาณในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่

พร้อมกันนี้ ยังต้องเสริมความพร้อมด้านพลังงานและความมั่นคงทางอาหาร ควบคู่กับการป้องปรามการลักลอบนำเข้า-ส่งออกสินค้าการเกษตร ปศุสัตว์ และประมงผิดกฎหมาย และเตรียมพร้อมในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ในภาวะไม่ปกติหรือภัยพิบัติที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงโดยรวม

กอ.รมน. จะต้องดำเนินการเชิงรุกทั้งการป้องกันและการบรรเทาผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยร่วมมือกับท้องถิ่นในการแก้ไขปัญหา PM 2.5, ไฟป่า, การทำลายสิ่งแวดล้อม, ปัญหากากสารเคมีอุตสาหกรรม และแหล่งน้ำปนเปื้อนสารเคมี

การปรับปรุงองค์กรและเสริมภาพลักษณ์

เริ่มต้นจากการเสริมศักยภาพบุคลากรให้เท่าทันภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ทั้งด้านเทคโนโลยี การใช้ข้อมูลข่าวสาร และทักษะปฏิบัติงานในพื้นที่ เพื่อให้กำลังพลพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อนตามบริบทของความมั่นคงในปัจจุบัน

ที่สำคัญคือการเสริมสร้างความโปร่งใสขององค์กร โดยเน้นย้ำว่า ทุกภารกิจต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ ทั้งการใช้งบประมาณ, การปฏิบัติงานในพื้นที่, และการสื่อสารต่อสาธารณะ

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณและให้กำลังใจผู้บริหารและบุคลากร กอ.รมน. ที่ทุ่มเทปฏิบัติภารกิจมาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำว่า "ผลลัพธ์ที่ประชาชนสามารถสัมผัสได้จริง คือผลการปฏิบัติที่ผมคาดหวัง ซึ่งทุกท่านจะเป็นผู้นำร่วมกันพาประเทศไทยของเราให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป"