สภาเงาเมียนมาเตรียมยื่นยูเอ็น หลักฐานกว่า1.8แสนชิ้น ชี้ทหารทรมาน-ฆ่าพลเรือน
สภาเงาเมียนมาเตรียมยื่นยูเอ็น - วันที่ 7 เม.ย. เอเอฟพี รายงานความคืบหน้าสถานการณ์มิคสัญญีนองเลือดทางการเมืองในประเทศเมียนมา (พม่า) ว่า คณะกรรมาธิการผู้แทนจากปยีตองซูลุดดอว์ สภาเงาแห่งสหภาพเมียนมาร์ (ซีอาร์พีเอช) เตรียมนำหลักฐานกว่า 180,000 ชิ้น ที่พิสูจน์ว่าเผด็จการทหารพม่าก่ออาชญากรรมทรมานและสังหารพลเรือน ส่งให้สหประชาชาติ หรือยูเอ็น
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็นอย่างน้อย 581 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กกว่า 50 ราย มีผู้ถูกจับกุมแล้วอย่างน้อย 2,700 คน
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังการปราบปรามอย่างรุนแรงจากเผด็จการทหารต่อบรรดาผู้ประท้วงชาวพม่าที่ลุกฮือทั่วประเทศเพื่อต่อต้านกองทัพที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของนางออง ซาน ซู จี ซึ่งคว้าชัยชนะอย่างถล่มทลาย แต่กองทัพกล่าวหายังไร้หลักฐานว่าโกงการเลือกตั้งพร้อมก่อการยึดอำนาจเมื่อ 1 ก.พ.
คณะกรรมาธิการจากซีอาร์พีเอช ซึ่งก่อตั้งโดยบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเอ็นแอลดีที่ได้รับฉันทามติจากชาวพม่า ระบุได้รวบรวมหลักฐานกว่า 180,000 ชิ้น ว่ากองทัพพม่ากระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยจะส่งทนายความเดินทางไปพบกับคณะสืบสวนข้อเท็จจริงของยูเอ็น (ไอไอเอ็มเอ็ม) เพื่อส่งมอบหลักฐานดังกล่าว
แถลงการณ์ของซีอาร์พีเอชระบุต่อว่า หลักฐานดังกล่าวบ่งชี้ถึงการสังหารผู้บริสุทธิ์ 540 กรณี การทรมาน กักขังหน่วงเหนี่ยว นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ถูกจับกุมเสียชีวิต 10 ราย และการใช้กำลังปราบปรามผู้ชุมนุมรุนแรงเกินกว่าเหตุ
สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (เอเอพีพี) ในฐานะคณะผู้สังเกตการณ์ในพม่า ระบุอีกว่า กองทัพพม่าเริ่มหันมาใช้ยุทธวิธีการจับกุมบรรดาญาติมิตรและครอบครัวของนักการเมืองและนักรณรงค์ที่เคลื่อนไหวต่อต้านเผด็จการทหารพม่า เพื่อกดดันให้ยุติการเคลื่อนไหวและเข้ามอบตัวด้วย
วันเดียวกัน Ro Nay San Lwin ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มโรฮิงยาเสรี (เอฟอาร์ซี) ทวีตรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดที่สถานีรถขนส่งมวลชนที่ย่าน ชเว มาน ตู เขตออกกะลาปาใต้ ของนครย่างกุ้ง ส่งผลให้มีรถเมล์ได้รับความเสียหาย 2 คัน เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าปิดล้องที่เกิดเหตุแล้ว แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
ขณะที่บรรดาผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวพม่าเรียกร้องให้เผด็จการทหารยุติการปิดกั้นอินเตอร์เน็ต ส่วนบรรดานักเคลื่อนไหวบางส่วนตอบโต้ด้วยการรวบรวมข่าวสารจากบรรดาสื่อท้องถิ่นที่ถูกปิดกั้นมาเผยแพร่ทางทวิตเตอร์แทน