ออสเตรเลียมั่นใจวัคซีนโควิด-19 'แอสตราเซเนกา' แม้พบกรณี 'เลือดแข็งตัว'
แคนเบอร์รา, 12 มี.ค. (ซินหัว) -- วันศุกร์ (12 มี.ค.) สกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียและรักษาการรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของออสเตรเลีย แสดงความมั่นใจในมาตรการควบคุมคุณภาพของออสเตรเลีย และไม่กังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจของบางประเทศในยุโรปที่ระงับการใช้งานวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca)
เดนมาร์ก นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ หยุดใช้งานวัคซีนของแอสตราเซเนกา หลังมีรายงานกรณีผู้รับวัคซีนของแอสตราเซเนกาเกิดอาการเลือดแข็งตัวหลายราย
"สำนักบริหารสินค้ารักษาโรค (TGA) ตรวจสอบรายงานดังกล่าวแล้ว ขณะเดียวกันมีการทดสอบแบบกลุ่ม ซึ่งผมร่วมสังเกตการณ์เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา" มอร์ริสันกล่าว "ออสเตรเลียมีกระบวนการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพ"
รัฐบาลออสเตรเลียเห็นชอบจัดซื้อวัคซีนของแอสตราเซเนกา 53.8 ล้านโดส ซึ่งมากกว่าวัคซีนของผู้ผลิตรายอื่นอย่างมาก และวัคซีนของแอสตราเซเนกา 50 ล้านโดสจะถูกผลิตในประเทศ
พอล เคลลีย์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของออสเตรเลีย ระบุว่าปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้วัคซีนของแอสตราเซเนกาก่อให้เกิดอาการเลือดแข็งตัว โดยความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก และเราเฝ้าระวังเหตุผิดปกติอย่างรอบคอบเพื่อสามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงทีระหว่างการฉีดวัคซีนขนานใหญ่
ออสเตรเลียฉีดวัคซีนให้ประชาชนราว 135,000 โดสแล้ว เมื่อนับถึงวันศุกร์ (12 มี.ค.) โดยสมาคมการแพทย์ออสเตรเลีย (AMA) เตือนรัฐบาลออสเตรเลียอาจไม่บรรลุเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ประชากรทั้งหมดภายในเดือนตุลาคม ซึ่งมอร์ริสันแย้งว่าการฉีดวัคซีนเกิดความล่าช้าเนื่องจากขาดแคลนวัคซีนในระยะแรก