สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ ทุกคนวันนี้เราได้รับภารกิจจาก ทรู อินเทรน ให้เขียนเกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้ ตอนแรกก็คิดไปถึงแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ พยายามนั่งนึกถึงสถานที่ที่เราเคยไปมา แต่นึก ๆ ไป คำว่าแหล่งเรียนรู้น่าจะรวมไปถึงสถานที่ที่ให้การศึกษากับเราได้เช่นกัน เราจึงคิดว่าเราขอเขียนถึงสถานที่ที่ให้ความรู้กับเรา และเป็นสถานศึกษาที่เรารักมาก นั่นคือที่นี่...มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แต่เกษตรศาสตร์ในมุมที่เราจะเขียนถึงวันนี้ จะเป็นเกษตรศาสตร์เมื่อ 20 ปีที่แล้ว จริง ๆ แล้ว เราเองก็อยากเขียนบันทึกเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในเกษตรช่วงที่เราเรียนอยู่มานานแล้ว เพราะล้วนแล้วแต่มีความประทับใจ เต็มไปด้วยความคิดถึง ถึงแม้จะผ่านช่วงเวลานั้นมานาน เราเป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง ที่ต้องเอ็นทรานซ์เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ยังเป็นช่วงที่เราสามารถเลือกได้ 4 อันดับ เราก็เลือกทั้งหมด 4 อันดับ กับ 4 มหาวิทยาลัย และสุดท้าย สถานที่ที่เราได้เข้าเรียนคือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อทราบผลเอ็นทรานซ์ เราแทบไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย ว่าตั้งอยู่ตรงไหนในเมืองหลวง โชคดีที่เรามีพี่สาวทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ วันรายงานตัว เราจึงได้ไปพักที่บ้านพี่ และวันแรกที่เราก้าวย่างเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัย ทุกอย่างตื่นตาตื่นใจไปหมด ตั้งแต่พื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาล ตึก อาคาร สถานที่ต่าง ๆ และโชคดีที่สุดที่เราจับสลากเข้าพักในหอในได้ ทำให้คลายความกังวลของครอบครัวไปว่าลูกสาวจะได้พักอย่างปลอดภัยอยู่ภายในมหาวิทยาลัย และการเปลี่ยนแปลงชีวิตเด็กต่างจังหวัด และเปิดโลกกว้างก็เริ่มต้นที่นี่ภายใต้ร่มเงาของต้นนนทรีซึ่งเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย และดอกนนทรีเหลืองอร่ามที่ยังคงติดตาเรามาจนทุกวันนี้ สมัยนั้นต้นไม้มีเยอะกว่าในปัจจุบัน เนื่องจากตึก อาคาร สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ มีน้อยกว่าตอนนี้ เราใช้จักรยานในการปั่นไปไหนมาไหน ยังจำความรู้สึกเวลาปั่นจักรยานซ้อนท้ายกันเที่ยวเล่นรอบ ๆ ตะลัย (ตะลัยมาจากคำว่ามหาวิทยาลัย ซึ่งเด็กเกษตรจะเรียกว่ากันติดปากว่าตะลัย) ชีวิตหอในสมัยนั้นสนุกมาก ในห้องพักเราอยู่รวมกัน 4 คน รวมรุ่นพี่รุ่นน้อง มีกิจกรรมภายในมากมาย เช่น วันรับน้องหอใน จะมีจับคู่เดตหอชายหอหญิง ค่ำคืนนั้นมีเต้นลีลาศด้วย เป็นธรรมเนียมสมัยก่อน หอชายจะแต่งเป็นกองขันหมาก ไปสู่ขอผู้หญิงให้มาเป็นเพื่อนกันตลอด 4 ปี เป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน ได้มิตรภาพ ได้รู้จักเพื่อน ๆ ทั้งหญิงชาย ไม่ได้มีแต่มุมสนุกนะคะ มุมโรแมนติคในเกษตรก็มี นั่นคือ loving way เป็นถนนเส้นเล็ก ๆ ข้างคณะเกษตร เป็นตำนานสมัยเรียน เชื่อกันว่าคู่ไหนก็ตามขี่จักรยานแล้วพาคู่ซ้อนท้ายมาด้วย จะรักกันไปตลอด เราเองก็ไม่เคยได้ซ้อนท้ายหนุ่มคนไหนในสมัยนั้น มีแต่พวกเราสาว ๆ หอในที่ซ้อนท้ายกันเองค่ะ ฮ่า ๆๆ เราเรียน เราใช้ชีวิตด้วยความสุข เก็บเกี่ยวความรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และมิตรภาพระหว่างผองเพื่อนยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้ถนนสาย loving wayเวลา 4 ปีในรั้วเกษตรผ่านไปรวดเร็วมาก หลังจากจบการศึกษา เรายังคงคิดถึงเกษตร คิดถึงบรรยากาศเดิม ๆ ตอนที่เราเป็นนิสิต ล่าสุดที่เราได้กลับมาเยือนที่นี่อีกครั้งคือเมื่อวันลอยกระทงที่ผ่านมา เกษตรเปลี่ยนไปมาก ต้นไม้มีจำนวนลดลง มีตึก มีอาคารเรียนมากขึ้น มีร้านค้า ร้านกาแฟเก๋ ๆ ธนาคาร ร้านอาหารต่าง ๆ มารวมกันอยู่ในรั้วเกษตร ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา กาลเวลาเปลี่ยน ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนตาม แต่สำหรับเราเมื่อได้ก้าวเข้ามาในรั้วแห่งนี้ความรู้สึกเมื่อ 20 ปีที่แล้วเป็นอย่างไร วันนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม อบอุ่น สบายใจ เหมือนได้กลับมาถึงบ้าน เราได้นั่งรถตะลัย (รถที่วิ่งรับส่งนิสิตและบุคลากรรอบ ๆ มหาวิทยาลัย เราเรียกกันว่ารถตะลัยค่ะ)อีกครั้ง ตอนนี้ไม่ต้องหยอดเหรียญ 2 บาทเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะคะ รถวิ่งให้บริการฟรีค่ะ ก่อนกลับเราไม่ลืมที่จะเข้าไปไหว้อนุสาวรีย์สามบูรพาจารย์ ซึ่งเป็นที่เคารพของนิสิตเกษตร เพื่อขอพรจากท่านให้ประสบความสำเร็จดังหวัง คืนนี้มีงานลอยกระทงในเกษตร เราเดินต่อไปยังประตูใหญ่ซึ่งที่เป็นสถานที่จัดงาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข เรานั่งเงียบ ๆ มองดูพระพิรุณทรงนาคไกล ๆ ภาพเหตุการณ์ตอนเรียนที่นี่ ย้อนกลับมาให้เราได้สุขใจอีกครั้ง ไม่ว่าจะเวลาผ่านไปกี่ปี ใบนนทรีใบนี้ ยังคงรักและคิดถึงสถานที่แห่งนี้เสมอ...มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์