...“ สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่านวันนี้ใครยังไม่รู้จักตัวเองบ้าง มันฟังดูแปลกๆนะ แต่สภาวะแบบนี้มันมีอยู่จริง มีหลายครั้งที่ผู้เขียนก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือน ทำไมเราถึงพูดแบบนั้น ทำไมเราถึงคิดแบบนี้ แล้วก็กลับมานั่งคิดนอนคิดเดินคิดว่าทำไมเราถึงทำแบบนั้น หรือเป็นเพราะว่าเราไม่รู้จักตัวเองหรือเปล่า มันก็น่าคิดนะ วันนี้จึงอยากมาแชร์วิธีที่จะช่วยให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น การรู้จักตัวเองเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการพัฒนาตลอดในช่วงเวลาของชีวิต ดังนั้นเรามาลองทำความรู้จักตัวเองกันเถอะค่ะ เพื่อช่วยให้เราเข้าใจในสิ่งที่เป็นตัวเองมากยิ่งขึ้น เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองต้องการ และช่วยในการเริ่มต้นที่จะพัฒนาในทุกด้านของตัวเองให้ดีขึ้น เราลองมาทำตามขั้นตอนเหล่านี้ไปพร้อมๆกันเลย ”...1. ทำความเข้าใจตัวเราเอง...“ การทำความเข้าใจในตัวเองก็คือการสำรวจความรู้สึก ความคิด เเละพฤติกรรมของเราในสถานการณ์ต่าง ๆ และการรับรู้เหตุผลหรือแรงจูงใจในการกระทำของเรา บางครั้งเราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมความรู้สึกหรือความคิดเราจึงเป็นแบบนั้น ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ดังนั้นผู้เขียนมีวิธีทำคามเข้าใจตัวเองในแบบของผู้เขียน เช่น ให้เราทำการสำรวจอารมณ์ของเราโดยสังเกตและบันทึกความรู้สึกของเราในสถานการณ์ต่าง ๆ แล้วลองตั้งคำถามว่าเรามีความสุขมั๊ย และตอบคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข สิ่งที่ทำให้เราโกรธ หรือสิ่งที่ทำให้เราเศร้า เป็นต้น หรือจะเป็นการพูดคุยกับตัวเองวิธีนี้อาจจะดูแปลกๆนะคะแต่เป็นวิธีที่ดีน๊าโดยการให้เวลาในการพูดคุยกับตัวเองหน้ากระจกหรือการเขียนลงในกระดาษหรือพูดในใจและถามตัวเองเกี่ยวกับค่านิยม ความชอบ ความต้องการ และเป้าหมายของตัวเองว่าเราต้องการอะไร ชอบอะไร, หรือลองหาทำในสิ่งที่ชอบโดยการทำกิจกรรมที่เราชื่นชอบหรือลองทำกิจกรรมใหม่ๆเรียนรู้สิ่งใหม่ๆด้วยการลงมือทำ เพื่อค้นพบความสามารถและความสุขในสิ่งเหล่านั้น, หรือจะเป็นการศึกษาตัวเองก็คือการรู้ในสิ่งที่ตัวเองมี และข้อดีของตัวเอง อย่างเช่น เราชอบอ่านหนังสือ ชอบการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ หรือทำความรู้จักกับทักษะและคุณลักษณะต่าง ๆ ที่เรามี เป็นต้น, การตั้งเป้าหมายและวางแผนให้เรากำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วสร้างแผนการดำเนินการเพื่อทำให้เราได้ไปถึงเป้าหมายนั้น, การยอมรับข้อบกพร่องซึ่งทุกคนย่อมมีข้อบกพร่อง ไม่มีใครสมบูรณ์แบบทุกเรื่องและการยอมรับนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำความเข้าใจตัวเองเช่นกันนะคะ, การยอมรับความเปลี่ยนแปลงให้เราทำความเข้าใจว่าเราอาจเปลี่ยนแปลงตามเวลา และให้ยอมรับความเปลี่ยนแปลงนั้น, เราต้องมีความรับผิดชอบและต้องยอมรับในความรับผิดชอบต่อชีวิตของเราและการตัดสินใจของเราด้วยนะคะ ดังนั้นการฝึกการเข้าใจตัวเองก็จะทำให้เรารู้ว่าเราเป็นอย่างไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้นค่ะ ”...2. ทดลองสิ่งใหม่ ๆ...“ อย่างที่บอกนะคะว่าการได้ลองทำอะไรใหม่ๆเหมือนเป็นการได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ ในสิ่งที่เรายังไม่เคยทำมาก่อน ในโลกใบนี้ยังมีสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลา การเรียนรู้สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นใหม่จึงไม่มีที่สิ้นสุด ลองทำสิ่งที่ไม่เคยลองมาก่อน เช่น การเรียนรู้เล่นเครื่องดนตรี, การวาดรูป, การทดลองทำอาหาร, การทำสวนปลูกผัก, การทำงานอดิเรก, การดูซีรี่ย์หลายแนว, การเรียนรู้ภาษาใหม่, การลองงานใหม่ หรือการท้าทายตนเองด้วยกิจกรรมใหม่ ๆ เป็นต้น ซึ่งเราอาจจะเริ่มต้นด้วยการค้นหาสิ่งที่เราสนใจและต้องการทดลองทำในชีวิตประจำวันหรืองานของเรา เลือกไอเดียที่เราสนใจหรืออยากทำโดยการหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เราชื่นชอบหรือสนใจที่จะทำ ด้วยการกำหนดเป้าหมายว่าเราต้องการทดลองทำอะไร และตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆหรือยาวนานก็ได้ จากนั้นเราก็ศึกษาและเรียนรู้โดยการค้นคว้าข้อมูลและศึกษาเกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องการทดลอง ซึ่งอาจจะเป็นการอ่านหนังสือ ดูวิดีโอ หรือเข้าร่วมคอร์สออนไลน์ต่างๆ หรือจะเป็นการทดลองจากประสบการณ์ที่เรามีและนำมาใช้ในการหาสิ่งใหม่ๆทำซึ่งเราอาจจะได้แนวคิดและวิธีที่ไม่เคยลองทำมาก่อนก็ได้ เพื่อสร้างความหลากหลายแนวคิดและหลากหลายมุมมอง หรือเราจะหาสิ่งใหม่ๆทำจากผู้อื่นอย่างเช่นการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งเราจะได้รับการแบ่งปันประสบการณ์และได้รับแรงบันดาลใจจากเขาเหล่านั้นหากเป็นไปได้นะคะ จากนั้นเราก็วางแผนโดยการสร้างแผนให้ชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนที่ต้องทำ เพื่อให้เรามีทิศทางที่ชัดเจนในการทำสิ่งใหม่นะคะ ทดลองทำด้วยตนเองตามแผนที่กำหนด เพื่อให้เราเรียนรู้ว่าสิ่งที่เราทำเราทำได้ดีหรือไม่ ทำแล้วเราสนุกและมีความสุขกับมันมั๊ย และเราสามารถอยู่กับสิ่งเหล่านั้นได้ตลอดชีวิตได้หรือไม่ และเราสามารถแก้ไขปัญหาและปรับปรุงด้วยการเรียนรู้จากประสบการณ์ในครั้งนี้ได้หรือไม่ พยายามทดลองสิ่งใหม่ๆ โดยไม่กังวลเกี่ยวกับความสำเร็จหรือความล้มเหลว อย่ากลัวที่จะล้มเหลว จากนั้นเรียนรู้และปรับปรุงจากประสบการณ์ ลองทำตามขั้นตอนที่เราวางแผนไว้และมองหาโอกาสในทุกความล้มเหลวที่เกิดขึ้นนะคะ ให้เรายอมรับในผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ยอมรับและใช้เป็นประสบการณ์ในการพัฒนาตนเองน๊า ให้เราจดจำทุกประสบการณ์และนำไปใช้เพื่อเติบโตและพัฒนาตนเองต่อไป ทดลองสิ่งใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้และการพัฒนา จากนั้นเราก็ฝึกทบทวนผลลัพธ์ของการทดลอง และทำการปรับปรุงตามความรู้ที่ได้รับนะคะ ซึ่งการได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆนี้ถือได้ว่าเป็นการท้าทายความสามารถตนเองเพราะเราได้ลองทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนเป็นการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเรื่องราวใหม่ที่มีอยู่มากมายบนโลกใบนี้ มันจะทำให้เราตื่นเต้นและสนุกกับการใช้ชีวิต อีกทั้งสิ่งที่เราได้ทดลองทำก็จะทำให้เราได้รู้จักตัวเรามากขึ้น รู้ว่าเราก็ทำได้ สิ่งนี้เราทำแล้วเรามีความสุขและรู้สึกดีทุกครั้งในการทำสิ่งเหล่านั้น เพราะฉะนั้นการเรียนรู้สิ่งใหม่ก็จะเป็นวิธีที่จะช่วยให้เรารู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้นได้ค่ะ "...3. สำรวจความสามารถ...“ การสำรวจความสามารถในตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญน๊าทุกคน หากเราทราบถึงความสามารถของตนเอง ก็จะทำให้เราได้พยายามพัฒนาและนำไปใช้ในทางที่เหมาะสมเมื่อเรารู้ถึงความสามารถของเราแล้ว สำหรับผู้เขียนมองว่าความสามารถก็คือสิ่งที่เราทำแล้วเรามีความสุขและทำสิ่งเหล่านั้นได้ดีจนเชี่ยวชาญนั่นคือความสามารถของเรา ดังนั้นความสามารถเราต้องฝึกฝนและพัฒนาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความสามารถ ความชำนาญ และความสนใจของเรา เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถอยู่ตลอดเวลานะคะ ผู้เขียนมองว่าความสามารถนั้นเราสร้างกันได้ ไม่มีใครมีความสามารถมาแต่กำเนิด เพราะความสามารถเกิดจากการเรียนรู้ศึกษาและพัฒนาตัวเอง เราอย่ามองว่าเราไม่มีความสามารถ แต่ให้เรามองหาความสามารถของเราให้เจอก็เท่านั้นเอง เริ่มจากตั้งคำถามให้ตัวเองโดยการถามตัวเองเกี่ยวกับความสามารถของเรา เช่น "ฉันทำอะไรได้บ้าง?" หรือ "ฉันทำได้ดีแค่ไหน?" จากนั้นเราก็เขียนลิสต์ของทักษะที่เรามีและความสามารถที่เราเชื่อว่าเรามีอยู่ โดยทำการทดสอบทักษะและความสามารถที่เราสนใจ เช่น ทดสอบทักษะการแก้ปัญหา, การสื่อสาร, หรือทักษะทางวิชาการ หรือจะเป็นการทดสอบความสามารถในสถานการณ์จริงโดยการทดลองทำงานหรือทำโปรเจกต์ที่มีความท้าทาย เพื่อดูว่าเราสามารถตอบสนองได้อย่างไร หรือว่าจะเป็นการทดลองทักษะทางกายภาพโดยลองทำกิจกรรมทางกายภาพ เช่น วิ่ง, ยิงธนู, หรือการฝึกซ้อมทางกายภาพอื่น ๆ เพื่อดูความสามารถของร่างกาย หรือจะเป็นการสังเกตพฤติกรรมของตนเองโดยการสังเกตท่าทาง, พฤติกรรม, และปัญหาที่เคยแก้ไขได้ หรือจะเป็นการทบทวนประสบการณ์โดยทบทวนประสบการณ์ที่ผ่านมาและสังเกตสิ่งที่ได้เรียนรู้ สิ่งที่เราทำได้ดี และคอยพัฒนาตนเองในการทำสิ่งเหล่านั้นและนั่นคือความสามารถของเรานั้นเอง ซึ่งการสำรวจเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจถึงความสามารถและความแข็งแกร่งของตัวเองได้ดีนะคะ แต่อย่างที่บอกความสามารถเราสร้างขึ้นมาได้เช่นกัน โดยการทดลองเรียนรู้และพัฒนาตนเอง เช่น อ่านหนังสือ, ศึกษาออนไลน์, หรือเข้าร่วมคอร์สเรียนต่างๆเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะของเรา หรือจะเป็นการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญซึ่งหากเราต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม, ค้นหาคนที่มีความรู้ในด้านที่เราสนใจให้เรียนรู้จากความสามารถของเขาเหล่านั้นและนำวิธีมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สำหรับเราได้ เมื่อเราได้ศึกษาหาความรู้มาพอประมาณแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการลงมือทำโดยการกำหนดเป้าหมายและแผนการที่ชัดเจนเพื่อพัฒนาความสามารถของเรา จากนั้นก็ทำการประเมินความสำเร็จของตัวเองตามเป้าหมายที่ตั้งไว้พร้อมที่จะเรียนรู้แก้ไขและพัฒนาความสามรถของเราต่อไปในด้านที่เราสนใจ ดังนั้นการสำรวจความสามารถตนเองจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้นและสามารถพัฒนาตนเองได้ในทางที่เหมาะสมนะคะทุกคน "...4. สำรวจค่านิยมและความเชื่อ...“ วิธีนี้เราสามารถเข้าใจตัวเองได้ด้วยการ ใส่ใจที่จะตรวจสอบค่านิยม ความเชื่อ และทัศนคติต่าง ๆ ที่เรามีซึ่งมันช่วยให้เราเข้าใจว่าเราเป็นใครและเราต้องการอะไรในชีวิต ทั้งนี้ทุกคนย่อมมีความเชื่อและค่านิยมที่แตกต่างกัน ซึ่งการสำรวจค่านิยมและความเชื่อในตัวเองมีขั้นตอนหลายขั้นตอนที่เราสามารถทำได้ เช่น การสังเกตตัวเองโดยการสังเกตท่าทาง พฤติกรรม และอารมณ์ของตัวเองในสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น , การสำรวจความคิดโดยทำการสำรวจความคิดที่เกิดขึ้นในใจ เช่น คิดเกี่ยวกับตนเองอย่างไรในบางเหตุการณ์ หรือจะเป็นการตั้งคำถามตัวเองโดยถามคำถามเกี่ยวกับตัวเอง เช่น "ทำไมฉันทำแบบนี้?" เพื่อค้นหาเหตุผลและค่านิยมที่อาจมีอยู่, "ค่านิยมที่สำคัญที่สุดของฉันคืออะไร?" หรือ "ฉันเชื่อในหลักการหรือค่านิยมอะไรบ้าง?" เป็นต้น, จากนั้นเราก็สอบถามตนเองว่าค่านิยมเหล่านี้มาจากที่ไหน อาจมีต้นกำเนิดจากประสบการณ์, ครอบครัว, หรือสังคม, ตรวจสอบความสอดคล้องกับตัวเองโดยทำการตรวจสอบว่าค่านิยมเหล่านี้สอดคล้องกับตัวตนและวิสัยทัศน์ของเราหรือไม่, สำรวจความเชื่อโดยการพิจารณาความเชื่อที่เรามีต่อตัวเองและโลกและวิเคราะห์ว่าความเชื่อเหล่านี้มีผลต่อทัศนคติและพฤติกรรมของเราหรือไม่, เปิดโอกาสให้เกิดการเปลี่ยนแปลงถ้าพบว่ามีค่านิยมหรือความเชื่อที่ไม่สอดคล้องหรือไม่สนับสนุนการเจริญเติบโตและพยายามพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงเพื่อเติบโตไปในทิศทางที่ต้องการ, ทำการปรับทิศทางโดยการกำหนดเป้าหมายที่สนับสนุนค่านิยมและความเชื่อที่เราต้องการสร้าง, ติดตามและปรับปรุงโดยการตรวจสอบประจำเพื่อให้แน่ใจว่าค่านิยมและความเชื่อยังคงสอดคล้องกับเป้าหมายและการพัฒนาของเรา, ค่านิยมและความเชื่อเหล่านั้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้เราสามารถพิจารณาได้จากประสบการณ์โดยการสำรวจประสบการณ์ที่สำคัญในชีวิตของเรา และจำลองสถานการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกมีค่านิยมหรือความเชื่อต่าง ๆ, การรับฟังตัวเองโดยการให้เวลาในการรับฟังความรู้สึกและความคิดของตัวเองโดยไม่ต้องตัดสินค่านิยมเสียก่อน, การบันทึกความรู้สึกโดยการจดบันทึกความรู้สึกและความคิดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เพื่อเข้าใจและวิเคราะห์มัน, การตั้งเป้าหมายโดยการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อช่วยให้ทราบว่าต้องการอะไรและต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างไร, การสนทนากับผู้อื่นโดยการพูดคุยกับคนที่เราให้ความสนใจเพื่อรับคำแนะนำและความคิดเห็นตามมุมมองอื่น ๆ, แบ่งปันความคิดเห็นกับคนรอบข้าง หรือสนทนากับผู้ใหญ่ที่มีความรู้หรือเพื่อนสนิทเพื่อให้ได้ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการสำรวจค่านิยมและความเชื่อของตัวเองจะทำให้เราเข้าใจตัวเองมากยิ่งขึ้นว่าเรามีค่านิยมแบบไหน มีความเชื่อแบบไหนซึ่งแต่ละคนมีความเหมือนหรือแตกต่างๆกันก็ได้ ถ้าความเชื่อและค่านิยมเหล่านั้นทำให้ชีวิตเราดีขึ้นหรือช่วยพัฒนาทักษะความสามารถให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นและใช้ชีวิตมีความสุขมากขึ้นก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีแต่ถ้าสิ่งเหล่านั้นทำให้เราไม่มีความสุข เราก็ลองแก้ไขและปรับปรุงต่อไป เพราะฉะนั้นการสำรวจค่านิยมและความเชื่อในตัวเองเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา และอาจเปลี่ยนแปลงไปตามประสบการณ์และการพัฒนาของชีวิตของเรานะคะ "...5. มีเวลาสำหรับตัวเอง...“ การมีเวลาให้กับตัวเองจะช่วยให้เราค้นพบตัวตนของตัวเองมากยิ่งขึ้นว่าเราชอบทำอะไร สิ่งใดบ้างที่เราทำแล้วมีความสุขและสนุกกับมันและสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น อีกทั้งการมีเวลาให้กับตัวเองสามารถช่วยลดความเครียดและความกังวลได้เพราะการมีเวลาส่วนตัวจะช่วยให้เรามีโอกาสในการพักผ่อนและลองหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยในการดูแลสุขภาพจิตของเราได้ดีเลยทีเดียว ทำให้เรามีพื้นที่ในการทำกิจกรรมที่ชอบและทำให้เรามีความสุข ส่งเสริมสุขภาพทั้งทางกายและทางจิตใจ นอกจากนั้นการมีเวลาให้กับการออกกำลังกาย, การท่องเที่ยว, การอ่านหนังสือ, หรือการทำงานศิลปะ จะช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลในการใช้ชีวิตได้ การมีเวลาให้กับตัวเองและได้พัฒนาตัวเองโดยการมีเวลาเพื่อการเรียนรู้, พัฒนาทักษะและความสามารถ, มีเวลาในการเรียนรู้สิ่งใหม่, หรือทำโครงการส่วนตัว, มีเวลาในการพักผ่อนซึ่งจะช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้พลังงานเพิ่มขึ้น, ทำให้เต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่า, สร้างความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นการให้เวลาสำหรับตัวเองจะเป็นช่วงเวลาที่เราได้ผ่อนคลายและทำกิจกรรมที่เรารัก ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือออกกำลังกาย สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราได้ค้นพบได้เรียนรู้และได้รู้จักกับตัวเองอย่างมีความสุขนะคะ "...6. พูดคุยกับผู้อื่น...“ การคุยหรือสนทนากับผู้อื่นนั้นเราจะต้องเปิดใจให้กว้าง มีการรับฟังและทำความเข้าใจต่อความคิดเห็นที่แตกต่างกัน รับฟังและพิจารณามุมมองของผู้อื่นที่หลากหลายนะคะ การสนทนากับผู้อื่นมีความสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจในภาพมุมมองต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเอง เพราะเราจะได้รับข้อมูลจากความคิดเห็นและประสบการณ์ของผู้อื่นที่เข้ามาสนทนากับเรา ซึ่งจะช่วยให้เรามีมุมมองและความเข้าใจที่หลากหลายต่อตัวเองและเราสามารถปรับปรุงตัวเองได้จากการรับฟังและพิจารณาจากความคิดเห็นของผู้อื่นได้ เช่นถ้ามีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับพฤติกรรมหรือทักษะที่ต้องพัฒนา เราสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้เพื่อพัฒนาและปรับปรุงตนเองในด้านต่าง ๆ ของชีวิตได้ดีขึ้น เราสามารถเรียนรู้จากความคิดเห็นและประสบการณ์ของผู้อื่น ซึ่งอาจช่วยให้เราเห็นว่ามีข้อดีและข้อเสียอะไรที่ต้องปรับปรุงในตัวเรา เนื่องจากมุมมองที่หลากหลายนี้ช่วยให้เรามีภูมิคุ้มกันและสามารถพัฒนาตนเองได้มากขึ้นในด้านต่าง ๆ การสนทนากับผู้อื่นจึงเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าใจภาพมุมมองต่าง ๆ เกี่ยวกับตนเอง เมื่อเราแบ่งปันความคิดเห็นและประสบการณ์กับผู้อื่น ซึ่งเราอาจจะได้รับคำติชม คำแนะนำ หรือความคิดเห็นที่สามารถนำมาต่อยอดในการพัฒนาตนเองได้ ทั้งนี้การถามคำถามที่ให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้อื่นจะช่วยให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น การตั้งคำถามเชิงลึกเกี่ยวกับความรู้สึก ค่านิยม และประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเขาที่สนทนากับเราจะสามารถเปิดเผยมุมมองที่เราอาจไม่รู้จักมาก่อนก็ได้ ซึ่งการสนทนากันอย่างเปิดเผยและยอมรับความผิดพลาดจะช่วยให้เราพัฒนาตนเองได้อย่างเป็นธรรมมากขึ้นเพราะจะช่วยให้เราไม่เข้าข้างตัวเองมากเกินไป นอกจากนี้เราต้องรับฟังความคิดเห็นโดยไม่ประมาทและพยายามเข้าใจมุมมองของผู้อื่นที่เป็นประโยชน์ในการปรับปรุงพฤติกรรมและทัศนคติของเรานะคะ เพราะความคิดเห็นหรือคำติชมแต่ละคนล้วนแตกต่างกันไปตามเหตุและผล ดังนั้นเราควรวิเคราะห์ให้รอบคอบและควรระมัดระวังที่จะไม่ให้ความคิดเห็นจากผู้อื่นมีผลกระทบต่อจิตใจหรือทำให้เราเป็นทุกข์ใจมากเกินไป เนื่องจากแต่ละคนมีมุมมองที่แตกต่างกันต่อสิ่งต่าง ๆ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์และนิสัยในชีวิตที่แตกต่างกัน ความคิดเห็นและความรู้สึกของผู้อื่นเหล่านี้จะช่วยให้เราเห็นมุมมองที่เราอาจไม่รู้จักหรือไม่สนใจมาก่อนก็ได้ อีกทั้งการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆจะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นและมีโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นได้ค่ะ "...7. อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น...“ ทุกคนมีเส้นทางชีวิตและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกันเนื่องจากมีปัจจัยหลายประการที่มีผลต่อชีวิตของแต่ละบุคคล เช่น พื้นที่ที่เติบโตขึ้น, บุคลิกภาพ, สภาพแวดล้อม, และโอกาสต่าง ๆ ซึ่งทำให้เรื่องราวและความสำเร็จของแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้โดยตรง, การเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นอาจทำให้เกิดความเครียดและใช้ชีวิตได้ไม่สมดุล, การเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นอาจทำให้เรารู้สึกไม่มั่นคงและสูญเสียความสุขในการใช้ชีวิต ดังนั้นเราควรให้โอกาสตัวเองที่จะเรียนรู้และเติบโตตามเส้นทางที่เป็นของตัวเอง พัฒนาตัวเองและตามหาความสุขในที่ที่เป็นไปได้สำหรับตัวเราเอง พัฒนาตัวเองตามความสามารถและตามค่านิยมของตัวเอง เรียนรู้จากประสบการณ์ที่เราเผชิญหน้า และสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราพัฒนาตัวเองไปในทิศทางที่เหมาะสมสำหรับตัวเราเองได้นะคะ ทั้งนี้เราต้องยอมรับความแตกต่างและให้เกียรติต่อทุกคนด้วยนะคะ เพราะเรื่องราวและสิ่งที่ต้องทำในชีวิตของแต่ละคนเป็นเรื่องส่วนตัวที่อาจมีมุมมองและเป้าหมายที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นเราต้องยอมรับความแตกต่างเหล่านั้นให้ได้ เพื่อทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นและเข้าใจความหลากหลายที่เกิดขึ้นตลอดจนมีความเข้าใจและมองโลกได้หลากหลายขึ้นเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องไม่เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น ยอมรับความแตกต่าง และพร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง แค่นี้เราก็จะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขในเส้นทางของเราเองนะคะเพราะเราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น "......“ การทำความรู้จักกับตัวเองจำเป็นต้องใช้เวลาในการพัฒนานะคะ ดังนั้นการที่เรารู้จักตัวเอง รู้ว่าเราชอบอะไร เป็นคนแบบไหน อยากเรียนรู้ อยากทำอะไรนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้เรามีความสุขในสิ่งที่เราทำ เพราะถ้าเราทำสิ่งใดก็ตามถ้าเราทำด้วยความตั้งใจและทำจากใจด้วยใจรักสิ่งนั้นมันจะทำให้เรามีความสุขและให้ผลลัพธ์ที่ดีกับเรา และสิ่งเหล่านั้นจะช่วยให้เราเติบโตและพัฒนาเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นในทุกด้านของชีวิตได้ ดังนั้นการรู้จักตัวเองจึงเป็นกระบวนที่สำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจเส้นทางชีวิตและความต้องการของตัวเองได้ดีขึ้น เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะสำหรับบทความในวันนี้ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้ไม่มากก็น้อยนะคะสามารถนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตได้มากขึ้น สุดท้ายนี้หากข้อมูลตกหล่นหรือใช้ภาษาที่ไม่เข้าใจประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ผู้เขียนยินดีที่จะปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้บทความนี้มีคุณภาพและมีคุณค่าสำหรับผู้อ่านต่อไป ทั้งนี้ขอให้ผู้อ่านมีความสุขกับการใช้ชีวิต เข้าใจตัวเองและรู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้นนะคะ พบกันใหม่ในบทความหน้าสำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ "... เครดิต1. ภาพปกและภาพประกอบทั้งหมดโดย Masukaza (เจ้าของบทความ)2. ภาพปกและภาพประกอบทั้งหมดออกแบบโดย Canvaเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !