DRTไตรมาส4เข้าไฮซีซัน ดันยอดขาย-ออเดอร์พุ่ง
#DRT #ทันหุ้น – DRT มองดีมานด์กระเบื้องหลังคาขยายตัวในไตรมาส 4/2565 รับอานิสงส์ผู้ประกอบการอสังหา เร่งเครื่องสร้างโปรเจ็กต์ใหม่ พร้อมเข้าไฮซีซันงานซ่อมบำรุงที่พักอาศัยก่อนปลายปีหนุนยอดขายพีค แถมรับอานิสงส์ซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วม พร้อมคงเป้ารายได้-ยอดขายทั้งปี 2565 โตมากกว่า 5% แน่นอน
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT เปิดเผยว่า แม้ว่าในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2565 ที่ผ่านมา จะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซันของธุรกิจ ประกอบกับมีพายุฝนเข้ามาหลายระลอก ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการก่อสร้างมีความล่าช้าลง แต่มองว่าดีมานด์การใช้กระเบื้องรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องยังคงมีการขยายตัวที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ตลอดจนการเปิดประเทศของไทยทำให้เริ่มมีสัญญาการกลับมาพัฒนาโครงการใหม่ รวมถึงการซ่อมบำรุงโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโรงแรม และรีสอร์ต เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565ที่เป็นช่วงไฮซีซันของการก่อสร้าง และเป็นช่วงพีคของการท่องเที่ยวชาวยุโรป
*ยอดขาย Q4 พีค
อีกทั้งบริษัทมองว่าในช่วงไตรมาส 4/2565กลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะมีคำสั่งซื้อมากขึ้น เพื่อรองรับตามแผนการเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยใหม่โดยเฉพาะแนวราบขนาดใหญ่ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการขายให้กับผู้ประกอบการอัสงหา ที่ประมาณ 15%เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วนประมาณ 10% ของยอดขายทั้งหมด
ทำให้มองว่าแนวโน้มยอดขายในช่วงไตรมาส 4/2565จะพีคที่สุดในปีนี้ และเติบโตชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าจะได้รับคำสั่งซื้อจากเอเย่นต์เข้ามาเพิ่มขึ้น รวมถึงสามารถจัดส่งสินค้าให้กับร้านค้าโดยเฉพาะห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ (Modern Trade) ได้มากขึ้น ตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อและความต้องการซ่อมบำรุงที่พักอาศัย
*รายได้ปีนี้โต 5%
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนหลังปี 2565จะเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งแรกปีนี้ที่มีรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 2,753.73 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 378.07 ล้านบาท และมั่นใจว่าทั้งรายได้และยอดขายทั้งปีนี้จะสามารถเติบโตได้ดีตามแผนที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 5%จากปีก่อนที่มีรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 4,825.45 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 585.44 ล้านบาท
*รับอานิสงส์น้ำท่วม
ส่วนประเด็นเรื่องของภัยธรรมชาติที่เกิดจากน้ำ หรือ อุทกภัย ที่กำลังส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในหลายภูมิภาคของประเทศไทยนั้น คงต้องให้การจับตารอดูต่อไปว่าภาครัฐจะวางมาตรการช่วยเหลือ หรือชดเชยให้กับประชาชนอย่างไรต่อไป ซึ่งหากว่าชดเชยในเรื่องของเงินซ่อมบำรุงก็อาจทำให้กลุ่มสินค้าซ่อมบำรุง เช่น กระเบื้องพื้น ไม้ ฝ้า ประตู หน้าต่าง และกระเบื้องหลังคา มีดีมานด์เกิดขึ้นตามมา
ส่วนสถานการณ์การส่งออกต่างประเทศนั้น ต้องยอมรับว่าในปีนี้อาจชะลอตัว เนื่องจากได้รับปัจจัยกดดัน 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่องของต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น เรื่องของต้นทุนวัตถุดิบที่มีราคาสูง และเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทอ่อนค่าอย่างรุนแรง ทำให้บริษัทมีความจำเป้นในการปรับขึ้นราคาขาย ซึ่งก็อาจกระทบต่อลูกค้า ทั้งนี้หากว่าสถานการณ์ต่างๆ เริ่มคลายตัวดีขึ้น ก็คาดหวังว่าในปี 2566ยอดขายจากการส่งออกจะกลับมามีการเติบโตได้