หลายคนมักมองว่า “วางแผนการเงิน” เป็นเรื่องที่ซับซ้อน ยุ่งยาก ไม่รู้จะเริ่มยังไง วันนี้ผมจะมาแนะนำให้พวกเรารู้จักเจ้า “Financial Pyramid” ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เรื่องการเงินเป็นเรื่องง่าย ๆ ขึ้นมาทันที งั้นเรามาทำความรู้จักกับเจ้า Financial Pyramid กันเลยครับ Financial Pyramid ถือว่าเป็นเครื่องมือการวางแผนการเงินระดับสากลเลยก็ว่าได้ สำหรับการวางแผนการเงินแล้วถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐาน “ถามใคร..ใครก็รู้จัก” ซึ่งองค์ประกอบของ Financial Pyramid ในบทความนี้ผมจะแบ่งเป็น 5 ส่วน ก็คือส่วนชั้นล่างที่สุด เรียกว่า “ชั้นเงินออม (Clash flow)” ซึ่งชั้นนี้ถือว่าเป็นชั้นที่สำคัญ มากถึงมากที่สุด!!! ซึ่งถ้าเราไม่มีเงินออม เราจะเอาเงินที่ไหนมาวางแผนล่ะ ใช่ไหมครับ? เพราะฉะนั้นขั้นตอนแรก คือการบริหารเงินในแต่ละเดือนให้เหลือเก็บก่อนสำคัญที่สุดครับ (เดี๋ยวครั้งหน้าผมจะมาเล่าให้ฟังครับว่าเราจะบริหารเงินสดยังไงให้เหลือเก็บ)2. ชั้นถัดมาเรียกว่า “ชั้นบริหารความเสี่ยง” ผมจะแบ่งเป็น 2 ฝั่งฝั่งแรก คือ เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน (สำคัญยังไงผมเคยเขียนไว้แล้วในบทความก่อนหน้านี้ลองหาอ่านดูนะครับ)ฝั่งที่สอง คือ การถ่ายโอนความเสี่ยง ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่มันหนักเกินกว่า “เงินสำรองฉุกเฉิน” จะรับไหว เช่น ค่ารักษาพยาบาล อุบัติเหตุ หรือแม้กระทั่งเราเสียชีวิต ทั้งหมดล้วนเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งการทำประกันชีวิตก็จะช่วยลดภาระในส่วนนี้ได้ครับ3. พอฐานของเราแข็งแรง มีการบริหารเงินสดที่ดี เงินสำรองฉุกเฉินพร้อม มีการถ่ายโอนความเสี่ยงแล้ว ก็จะเข้าสู่ชั้นที่ 3 ซึ่งก็คือ “ชั้นของเป้าหมายในชีวิต” ชั้นนี้จะทำให้เรารู้ว่าเราควรใช้สินค้าการเงินตัวไหนมาวางแผน เพราะหลายคนมักใช้สินค้าทางการเงินผิดประเภท ทำให้เป้าหมายที่วางไว้ไปไม่ถึงสักที ซึ่งในชั้นนี้ผมจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ก็คือเป้าหมายระยะสั้น (ระยะเวลา 1 – 3 ปี) เช่น เรียนต่อ หรือท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเงินในส่วนนี้ควรเก็บไว้กับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝากประจำ, กองทุนรวมตลาดเงิน, กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น เป็นต้นครับเป้าหมายระยะกลาง (ระยะเวลาตั้งแต่ 3 – 7 ขึ้นไป) เช่น แต่งงาน, ซื้อรถ, ซื้อบ้าน / คอนโด, มีลูก ซึ่งเงินในส่วนนี้ก็ควรเก็บไว้ในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงระดับปานกลาง ไม่เสี่ยงมาก เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาว หรืออาจจะเป็นกองทุนรวมผสม ก็ได้ครับเป้าหมายระยะยาว (7 – 10 ปีขึ้นไป) เป้าหมายในระยะนี้ก็หนีไม่พ้นเรื่องของเกษียณอายุ คุณอาจจะไม่มีรถก็ได้ ไม่แต่งงานอยู่เป็นโสดก็ได้ จะไม่ไปเที่ยวไหนเลยก็ได้ แต่สิ่งที่คุณต้องมี และหนีไม่ได้เลย ก็คือ เงินที่ต้องใช้หลังจากที่เกษียณอายุไปแล้ว เพราะมนุษย์เราสุดท้ายก็ต้องแก่ตัวลง เรี่ยวแรงที่เคยมีก็น้อยลง แต่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ได้น้อยลงไปพร้อมกับสังขารของเราเลย เพราะฉะนั้นเป้าหมายทางการเงินที่ผมอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญก็คือ “การวางแผนเกษียณอายุ” ซึ่งเป้าหมายในส่วนนี้ถือว่าต้องใช้ระยะเวลานาน ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง เพราะระยะเวลาจะทำให้ความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ลดลง เช่น กองทุนรวมตราสารทุน, หุ้น เป็นต้น 4. ชั้นที่ 4 คือ “ชั้นแห่งการลงทุน” เพื่อให้เงินนั้นโตมากขึ้น เมื่อเราวางแผนมาถึงชั้นนี้ได้ นั่นแสดงว่าเรามีความเข้าใจ เรื่องของสินทรัพย์ทางการเงินมากขึ้นในระดับนึงแล้ว ชั้นนี้ถือว่าเป็นชั้นของการต่อยอด เช่น บางคนอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง หรือบางคนอาจจะอยากนำเงินมาเทรดหุ้น Tfex ทองคำ หรืออะไรก็ตาม เพื่อต่อยอดให้เงินของเรานั้นมากขึ้น รึเปล่า? 555 แต่ยังไงก็ตามถึงแม้ว่าเราจะขาดทุนในส่วนนี้ แต่เราก็ยังมี Pyramid อีกตั้ง 3 ชั้นคอยซัพพอร์ตเราอยู่ **ต่างจากคนที่วางแผนแบบ Pyramid กลับหัว ก็คือ เข้ามาลงทุนในส่วนนี้เลยโดยที่ใช้เงินเก็บทั้งหมดที่มีอยู่ ทำให้เมื่อขาดทุนขึ้นมา ไม่มีฐานมารองรับความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้ชีวิตต้องพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลยนะครับ5. ส่วนชั้นสุดท้าย ก็คือ “ชั้นแห่งการส่งต่อ (มรดก)” เป็นชั้นของการเข้าสู่บั้นปลายของชีวิต ทรัพย์สินต่าง ๆ ที่เรามี เมื่อเราตายไปก็เอาไปไม่ได้ หนำซ้ำถ้าไม่ได้วางแผนในส่วนนี้ อาจจะทำให้ลูกหลานเดือดร้อนในเรื่องของภาษีมรดกอีกด้วย ส่วนสุดท้ายเป็นผลพลอยได้จากการวางแผนการเงิน ก็คือ การวางแผนภาษี ผลพลอยได้ยังไงนะเหรอ? ก็เพราะว่าในแต่ละชั้น เรามีการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทต่าง ๆ เช่น ประกันชีวิตในส่วนของการถ่ายโอนความเสี่ยง ตรงส่วนนี้เราก็สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ หรืออาจจะเป็นเป้าหมายการเกษียณอายุ ก็จะมีทั้ง RMF SSF ซึ่งสินค้าพวกนี้เราก็สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้เช่นกันครับเห็นไหมล่ะครับวางแผนการเงินไม่ได้ยากอย่างที่คิด ถ้าเราค่อย ๆ ทำตามขั้นตอนไปทีละขั้นตอน จนท้ายที่สุดแล้วเราก็จะมีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้นในอนาคต แต่เชื่อไหมครับ มีน้อยคนมากที่จะสามารถปฏิบัติตามแผนเหล่านี้ได้ ไม่ใช่เพราะคนเหล่านั้นไม่มีความรู้ หรือไม่มีเงินหรอกนะครับ แต่คนเหล่านั้น "ขาดวินัย" เพราะแผนแต่ละขั้นต้องใช้เวลา จนบางคนก็ท้อไปก่อน หรือบางคนรอไม่ไหว กระโดดข้ามขั้นตอนไปลงทุนเลยก็มี จนทำให้เมื่อพลาดขึ้นมา ก็ไม่มีอะไรมารองรับความเสี่ยงเหล่านั้น ฝันที่เคยวาดไว้ซะสวยหรู ก็พังลงซะไม่เหลืออะไรเลยติดตามอ่านบทความอื่นๆ ของผมได้ที่ PlannerDewภาพโดย : planner.dewเพจ : วางแผนการเงินกับดิวโด้เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !