"Peloton" เรียกคืนจักรยาน 8.3 แสนคัน เบาะหลุด เสี่ยงอันตราย

CNBC รายงานว่า คณะกรรมาธิการความปลอดภัยผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกา (CPSC) เปิดเผยว่า บริษัท Peloton ได้เรียกคืนจักรยานออกกำลังกายรุ่น Bike+ หลังได้รับรายงานว่าเสาเบาะนั่งของเครื่องออกกำลังกายหักและหลุดออกระหว่างใช้งาน ซึ่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสองราย โดยรวมแล้วมีการรายงานปัญหานี้ทั้งหมด 3 กรณี

การเรียกคืนครอบคลุมจักรยานรุ่น Bike+ ทุกเครื่องที่ผลิตระหว่างปี 2019 ถึง 2022 รวมประมาณ 833,000 เครื่อง ซึ่งจำหน่ายตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 ถึงเมษายน 2025 แม้สายการผลิตจะยุติตั้งแต่ปี 2022 แล้วก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลได้แนะนำให้ผู้บริโภคหยุดใช้งานจักรยานทันที ไว้ในที่ปลอดภัย และติดต่อบริษัทเพื่อขอรับชิ้นส่วนเสาเบาะใหม่ที่สามารถติดตั้งเองได้ฟรี

Peloton ระบุในแถลงการณ์ว่า ความปลอดภัยของผู้ใช้งานและคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดของบริษัท พร้อมกระตุ้นให้ลูกค้าขอรับชิ้นส่วนใหม่โดยเร็วที่สุด การเรียกคืนนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่บริษัทต้องเรียกคืนจักรยานจากปัญหาในตำแหน่งเดียวกัน โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 Peloton เคยเรียกคืนจักรยานรุ่น Base Bike จำนวน 2.2 ล้านเครื่อง หลังได้รับรายงานการหักของเสาเบาะถึง 35 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 13 ราย รวมถึงกระดูกหักและบาดแผลจากการล้ม

การเรียกคืนในครั้งนั้นยังส่งผลให้จำนวนสมาชิกผู้ใช้งานลดลงราว 15,000-20,000 ราย ขณะรอการเปลี่ยนอะไหล่ และทำให้บริษัทต้องใช้งบประมาณกว่า 40 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2023 เพื่อดำเนินการเปลี่ยนชิ้นส่วนให้ครบถ้วน

สำหรับการเรียกคืนครั้งล่าสุด ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เกิดขึ้นในช่วงที่ปีเตอร์ สเติร์น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ กำลังพยายามฟื้นฟูธุรกิจให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจากการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคหลังโควิด และปัญหาด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ก่อนหน้านี้ รวมถึงกรณีเครื่องวิ่ง Tread+ ที่ต้องเรียกคืนในปี 2021 หลังเกิดเหตุเด็กเสียชีวิต

Peloton เพิ่งเปิดตัวไลน์สินค้าใหม่และปรับราคาขึ้นเมื่อเดือนที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นยอดขายก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลปลายปีซึ่งเป็นฤดูกาลทำยอดขายสูงสุดของบริษัท โดยนักลงทุนคาดว่าจะได้เห็นผลกระทบจากเหตุการณ์เรียกคืนครั้งล่าสุดในรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2026 ซึ่งบริษัทจะประกาศหลังปิดตลาดในสัปดาห์นี้