UN ชี้ทั่วโลกเมิน “มีเทน” รั่ว ทั้งที่เป็นหนทางเร็วที่สุด ในการช่วยหยุดโลกร้อน!

องค์การสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่าเกือบ 90% ของเหตุการณ์รั่วไหลของก๊าซมีเทน ที่ตรวจพบโดยดาวเทียมและส่งรายงานแจ้งไปยังรัฐบาลและบริษัทน้ำมัน-ก๊าซทั่วโลก ไม่ได้รับการตอบสนองหรือยอมรับอย่างเป็นทางการ ก่อนการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศ COP30 ที่จะจัดขึ้นเดือนหน้าในบราซิล
รายงานจาก ศูนย์สังเกตการณ์การปล่อยก๊าซมีเทนระหว่างประเทศ (International Methane Emissions Observatory: IMEO) ซึ่งใช้ข้อมูลจากดาวเทียมกว่า 17 ดวงในการตรวจจับกลุ่มก๊าซรั่วไหล เปิดเผยว่า จากการแจ้งเตือนทั้งหมดกว่า 3,500 เหตุการณ์ มีเพียง 12% ที่ได้รับการตอบกลับจากภาครัฐหรือภาคเอกชน แม้จะถือว่าดีขึ้นจากปีที่แล้ว ซึ่งมีการตอบสนองเพียง 1% ของเหตุการณ์เท่านั้น
ก๊าซมีเทนแม้จะอยู่ในบรรยากาศในช่วงเวลาสั้นกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกหลัก แต่กลับมีศักยภาพในการกักเก็บความร้อนได้สูงกว่าอย่างมาก นักวิทยาศาสตร์จึงมองว่าการลดการปล่อยก๊าซมีเทน คือ “วิธีที่รวดเร็วที่สุดในการชะลอภาวะโลกร้อนในระยะสั้น”
ปัจจุบันมีประเทศกว่า 150 ประเทศ ลงนามใน “ข้อตกลงลดการปล่อยก๊าซมีเทน” เมื่อปี 2564 โดยตั้งเป้าลดการปล่อยลง 30% ภายในทศวรรษนี้ รายงานระบุเพิ่มเติมว่า มีอย่างน้อย 25 กรณี ที่การแจ้งเตือนของ IMEO นำไปสู่การแก้ไขเหตุรั่วไหลครั้งใหญ่ได้สำเร็จ
ขณะเดียวกัน เมื่อต้นเดือนตุลาคม นักลงทุนซึ่งถือสินทรัพย์รวมกว่า 4.5 ล้านล้านยูโร (ราว 174 ล้านล้านบาท) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) อย่าผ่อนคลายกฎหมายควบคุมการปล่อยก๊าซมีเทน หลังมีความกังวลว่าอียูอาจลดมาตรการลง เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ ท่ามกลางความพยายามของอียูที่จะลดความตึงเครียดทางการค้า
ศูนย์สังเกตการณ์ฯ ระบุว่า การรั่วไหลของมีเทนจากภาคน้ำมันและก๊าซเป็น แหล่งที่สามารถลดการปล่อยได้มากที่สุด แต่ในอนาคตวางแผนที่จะขยายการตรวจจับไปยังแหล่งสำคัญอื่น ๆ เช่น ถ่านหินสำหรับการผลิตเหล็ก ขยะ และภาคเกษตรกรรม ตามคำกล่าวของ จูเลีย แฟร์รินี ผู้อำนวยการศูนย์ IMEO
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
