ความอึดอัดที่เกิดขึ้นในชีวิตไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเรื่องที่ทำให้เราทุกข์ใจเล็กๆน้อยๆ แล้วเรามองข้ามไปจนคิดว่ามันอาจจะไม่ได้ผลอะไรมากนักหรอก แต่แท้จริงแล้วความทุกข์สะสมเหล่านี้กลับทำให้เรามีความสุขได้ไม่เต็มที่ ถึงจุดหนึ่งเราก็เริ่มตระหนักแล้วว่าเราความทุกข์แบบอึดอัด จะพูดจะบ่นให้ใครฟัง เราก็มองว่ามันก็เหลวไหลเกินกว่าจะไปพูดถึง หนังสือเล่มนี้ตระหนักถึงเรื่องนั้นและอยากให้เราคายภาระที่อมทุกข์เอาไว้ออกมาครับ หนังสือเล่มนี้เขียนโดย นักจิตวิทยาชาวญี่ปุ่น ไนโต โยะชิฮิโตะ แปลโดย อทิตยา ทรงศิริและเนื้อหาทุกบทจะมีงานวิจัยทางสังคมศาสตร์จากต่างประเทศรองรับถึงประเด็นที่ต้องการจะสื่ออีกด้วย ความรู้ความประทับใจที่ได้ภายในเล่มได้เรียนรู้ว่าการมีตัวเลือกที่หลากหลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไม่ถึงจุดพอใจสักที แม้แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างการมีเสื้อผ้าให้เลือกใส่มากเกินไป มีช่องโทรทัศน์ให้เลือกดูมากเกินไปก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รู้สึกลังเลได้ เพราะเราจะคาดหวังว่าการเลือกแต่ละครั้งคือต้องตอบสนองความพอใจสูงที่สุด ทางที่ดีลองลดปัจจัยที่ทำให้รู้สึกลังเลลงจะดีกว่า ได้เรียนรู้ว่าการถูกชวนคุยด้วยบางเรื่องทำให้สภาพจิตใจแบกรับภาระจนเหนื่อยได้เหมือนกัน การรู้จักตอบบ่ายเบี่ยงจึงเป็นสิ่งจำเป็น ได้เรียนรู้ว่าการปกป้องจิตใจไม่ให้ถูกทำร้ายจากการถูกวิจารณ์หรือร้องเรียน หากปล่อยผ่านไปได้ เราก็สบายใจขึ้นแล้ว การทำใจไม่ได้ย่อมรู้สึกอึดอัดเป็นธรรมดา หากคำพูดใดไม่มีประโยชน์ก็อย่าเก็บเอามาใส่ใจ โดยเฉพาะคนนิรนามบนอินเทอร์เน็ต ถ้าต้องตอบกลับก็แค่ตอบแบบมีหางเสียง ครับ/ค่ะ เป็นใช้ได้ นี่คือพลังแห่งการเมินอย่างเหมาะสม ได้เรียนรู้ว่าการคิดโกรธแค้นในช่วงเร็วๆนี้ซ้ำไปซ้ำมา ความโกรธย่อมตกค้างเป็นธรรมดา แต่ถ้าหากสมมติตัวเราเองเป็นคนนอกที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น น้ำหนักของความโกรธก็จะลดลง การสังเกตอารมณ์ของตัวเองผ่านมุมมองคนนอกช่วยให้ความโกรธอยู่ภายใต้การควบคุม ได้เรียนรู้ว่าการอยู่อย่างเคร่งในศีลธรรมมากเท่าไร จะยิ่งดำเนินชีวิตอย่างเข้มงวดกับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น จริงอยู่ที่การเคร่งในศีลธรรมเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเข้มงวดเกินไปจนอยู่ในระดับที่เป็นปัญหา เราจะรู้สึกเหนื่อยกับมัน ดังนั้น ครองทางสายกลางเอาไว้เป็นดี ได้เรียนรู้ว่าอันตรายที่ใกล้มาถึงตัวทำให้ร่างกายตื่นตัวพร้อมรับมือ แต่หากหมดอันตรายนั้นไป ร่างกายจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเอง ถ้ายังมีคนไม่สามารถกำจัดความตึงเครียดได้ แม้ไม่มีอันตรายที่ว่านั้นแล้ว มันจะมีความเครียดสะสมอยู่ข้างใน และเราก็จะกลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย ได้เรียนรู้ว่าถ้าพูดคุยกันตอนไม่สบายใจ สุดท้ายมักลงเอยด้วยการพูดและแสดงท่าทางผ่านอารมณ์ ไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รวมถึงเย็นชา บ่นใส่ พออารมณ์เย็นขึ้นมาหน่อยถึงจะรู้สึกผิดต่อการกระทำนั้นจนเกิดอาการจิตตกตามมา ฉะนั้น ทางที่ดีควรจัดการอารมณ์ตัวเองให้เรียบร้อยก่อนกลับบ้าน โดยเฉพาะตอนกลับมาจากที่ทำงาน ได้เรียนรู้ว่าถ้ายังอยู่ในช่วงหางานทำ อย่าไปคิดว่าฉันอยากทำงานอะไร ความคิดนี้ทำให้ยากที่จะตัดสินใจว่าต้องการทำงานอะไร เพราะเรายังไม่มีความต้องการที่แรงกล้าต่อการหางาน ให้ลองคิดถึงประเภทของงานที่ไม่อยากทำ เช่น งานที่ต้องใช้แรงงานหนัก ต้องสวมชุดยูนิฟอร์ม หรืองานที่ต้องย้ายสถานที่บ่อยๆ เป็นต้น เมื่อรู้เงื่อนไขของตัวเองแล้ว เราจะเลือกงานได้อย่างง่ายดายและมีแรงจูงใจอีกด้วย ได้เรียนรู้ว่าความผิดพลาดในอดีตที่เราเคยทำมันตามมาหลอกหลอน ทำให้เรามองตัวเองว่าทำไมเราถึงพลาดอะไรแบบนี้ ในทางจิตวิทยาเรียกว่า อคติที่ต่อเนื่อง มันคือความเสียใจที่ทำให้เราลืมได้ยาก แต่ความเป็นจริงคนส่วนใหญ่ก็ลืมมันไปได้ภายในไม่กี่วัน ได้เรียนรู้ว่าการพยายามหาวิธีกำจัดความโกรธ จะทำให้หงุดหงิดง่ายมากยิ่งขึ้น ตรงกันข้าม การกำจัดความโกรธโดยไม่ทำอะไรเลยนั้นกลับให้ผลดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้ก็มีงานวิจัยให้การรองรับเช่นกัน ได้เรียนรู้ว่าการสั่งตัวเองให้วิ่ง ต้องวิ่ง ร่างกายจะไม่มีกำลังใจ แต่ถ้าบอกกับตัวเองว่าลองวิ่งดูสักหน่อย ได้แค่ไหน เอาแค่นั้น เราก็จะวิ่งได้สบายใจและสนุกขึ้น เพราะลดระดับความยากและไม่ต้องฝืนทำอีกด้วย ฉะนั้น ถ้าลบความรู้สึกถูกบังคับออกไปได้ เราจะทำสิ่งต่างๆได้สนุกขึ้น นี่คือแนวคิดที่ดีที่ครีเอเตอร์กำลังขัดเกลาลองปรับใช้กับชีวิตดูบ้าง ซึ่งบางเรื่องเราอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักแต่ความจริงแล้วมันเป็นความรู้สึกทุกข์ที่เราบังคับควบคุมไว้ไม่ให้มันสำแดงออกมาให้เห็นเท่านั้นเอง โดยความทุกข์ดังกล่าวนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรเก็บเอาไว้นานนัก เพราะมันเป็นพิษที่ซึมลึกลงไปในจิตใจจนยากที่จะถอดถอน โดยแนวคิดที่ได้จะเป็นแนวคิดที่เรียบง่าย ง่าย..จนบางครั้งเรามองว่ามันแก้ไขเยียวยาจิตใจเราได้ขนาดนั้นเชียวหรือ ?และนี่ก็เป็นอีกแง่คิดหนึ่งที่ครีเอเตอร์ได้มุมมองใหม่จากนักเขียนชาวญี่ปุ่นผ่านผลงานของหนังสือเล่มนี้ เครดิตภาพภาพปก โดย devmaryna จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย freepik จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย tirachardz จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ อยู่ด้วยกันเพราะอยากอยู่ ไม่ใช่จำเป็นต้องอยู่ (THE RULES OF LOVE)รีวิวหนังสือ จงรักในความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองรีวิวหนังสือ ตอบปัญหาวิชาใจรีวิวหนังสือ THE MAGIC OF THINKING BIG คิดใหญ่ ไม่คิดเล็กรีวิวหนังสือ เปลี่ยนแผลเป็นพลัง (From Pain to Power)7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์