จะดีกว่าไหมครับ หากข้อมูลของเราได้รับการดูแลให้ปลอดภัยจากระบบซอฟต์แวร์บล็อกเชน (Blockchain) ทำให้ผู้ไม่หวังดี หรือกลุ่มคนที่มักจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับข้อมูลของเรา เพื่อนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี ก่อให้เกิดความเสียหายต่อข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารต่าง ๆ ธุรกิจค้าขายรายใหญ่ การเงินการบัญชี รวมไปถึงบิตคอยน์ ทั้งหมดนี้ล้วนใช้ระบบเพื่อป้องกันดูแลข้อมูลไม่ให้โดนแฮก จึงจำเป็นต้องใช้บล็อกเชน เพื่อติดตั้งในคอมของผู้ใช้งานในองค์กรนั้น ๆ ซึ่งระบบนี้จะช่วยให้ข้อมูลไม่ถูกแฮกง่าย ๆบล็อกเชนคือกล่องสีเหลี่ยมต่อกันไปเรื่อย ๆ และในกล่องประกอบไปด้วย1. ข้อมูล ที่เก็บไว้2. Hash จะแสดงตัวเลขและตัวอักษร ที่ไม่ซ้ำกันในแต่ล่ะแถว3. Hash ของบล็อกที่แล้ว ตัวอย่างเช่น กล่องที่หนึ่งประกอบด้วย Hash : IntrendTip : ถ้าบล็อกกล่องแรกเต็มแล้ว จะถูกสร้างตามด้วยบล็อกกล่องที่สอง ตัวอย่างเช่น Hash : Intrend, ต่อด้วย Hash : trueid เป็นต้น บล็อกเชนเกี่ยวข้องกับบิตคอยน์ (Bitcoin) อย่างไร ? บิตคอยน์ใช้ระบบบล็อกเชนในการติดตามข้อมูลของผู้ถือเหรียญ สังเกตการแลกเปลี่ยนเหรียญ และให้ผู้ใช้งานในคอมทุกคนที่ใช้ระบบนี้ตรวจสอบความถูกต้อง ก็ได้รับผลตอบแทนเป็นบิตคอยน์จากการสร้างขึ้นหรือขุด เพื่อป้องกันคนกลางเข้ามายุ่งเกี่ยวกับข้อมูล หรือป้องกันค่าธรรมเนียมของคนกลาง ที่ใช้ซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ได้ การใช้ระบบนี้เหมาะสำหรับบิตคอยน์มาก ๆ ซึ่งหลายคนก็หันมาเรียนรู้ และให้ความสนใจอย่างแพร่หลายนอกจากนี้บล็อกเชน ถือว่าเป็นผู้ช่วยตรวจสอบให้กับการบริการต่าง ๆ แถมยังช่วยปกป้องไม่ให้คนนอกเข้ามายุ่งกับข้อมูล ด้วยระบบกล่องของบล็อกเชน จะถูกติดตั้งไว้ในคอมของผู้ใช้งานที่เรียกว่า "Decentralized" หากมีการแฮกเกิดขึ้น ก็ต้องแฮกทุกเครื่องที่ติดตั้งในระบบให้หมดเช่นกัน ยกเว้นกรณีการติดตั้งบล็อกเชนแบบใส่ Hash ผิด อาจจะทำให้ถูกโจมตีได้ง่าย ถือว่าภาพรวมบล็อกเชนนั้นดีมาก ๆ ทำให้หลายคนหันมาใช้งาน เพื่อตรวจสอบความโปร่งใสต่อธุรกิจของตัวเอง เพื่อให้ทราบว่าบริการต่าง ๆ ได้ถูกรายงานอย่างถูกต้องนั่นเองนะครับ หน้าปก : Macrovector, Freepik / Canvaภาพประกอบ :(1) rawpixel.com, (2) Stories, (3) Vectorjuice / Freepik บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ - 5 ข้อควรรู้ก่อนเทรด ‘บิทคอยน์’ ฉบับมือใหม่ รู้ไว้ไม่ขาดทุน!- เว็บขุดบิทคอยน์ฟรี 2020 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายบน App TrueID โหลดเลย ฟรี !