ชื่อ : The Five Secrets You must discover before you die ความลับ 5 ข้อที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตายเขียนโดย : ดร.จอห์น ไอโซแปลโดย : อรวรรณ อบรมย์จัดพิมพ์ : สำนักพิมพ์โอ้มายก้อดจำนวน : 185 หน้าราคา : 180 บาทคำโปรย : จากสารคดีที่ได้รับการกล่าวขวัญ สู่หนังสือชนะเลิศรางวัล The Independent Publisher Book Awardsไขปริศนาแห่งความสุข ชีวิตที่มีความหมาย และความเสียใจลึกซึ้งในชีวิตผู้คน “ไม่ว่าคุณจะมีอายุเท่าไหร่ คุณอยากจะให้ตัวเองได้อ่านหนังสือเล่มนี้ให้เร็วกว่านี้”คำนิยมโดย สตีเฟ่น อาร์. โควีย์จากสารคดีที่ออกอากาศทางช่อง PBS ของสหรัฐอเมริกาเพื่อเสาะหาความลับของชีวิตที่เปี่ยมความหมายและความสุขลึกล้ำ ด้วยการสัมภาษณ์ ‘ผู้ที่ผ่านโลก’ (อายุ 60 – 105 ปี) ซึ่งใครต่อใครต่างบอกว่า เป็นผู้ที่ได้ค้นพบความสุขและความหมายของชีวิต โดยคัดเลือกจากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อกว่า 15,000 คน จนเหลือเพียง 235 คน เพื่อค้นพบบทเรียนล้ำค่าจากประสบการณ์ชีวิตรวมกันแล้วกว่า 18,000 ปีผู้ที่ผ่านโลกมามากมายเหล่านี้ได้เรียนรู้อะไร?มีสิ่งสำคัญใดมาสอนเราเกี่ยวกับการใช้ชีวิต?ความเสียใจลึกซึ้งของพวกเขา ให้บทเรียนใดแก่ชีวิตเราบ้าง?เราจะเปลี่ยนตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติอย่างไร?สิ่งที่พวกเขาแต่ละคนอยากบอกเราในหนึ่งในประโยค?และที่สำคัญ ผู้อ่านจะใช้ประโยชน์จาก “ความลับ” เหล่านี้ได้อย่างไร? ... ในวันที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินไป ... ในโลกแห่งความไม่แน่นอนของเราใบนี้มีเพียงหนึ่งเดียวที่แน่นอนคือ ความตายและเป็นสิ่งที่หลายคนหลีกเลี่ยงที่จะพูดหรือฟังคำนี้ ซึ่งไม่มีผิดหรือถูกทุกคนมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง แต่การที่เราเลือกนำเรื่องนี้มารีวิวให้เพื่อนๆ หลายคนได้ฟังเนื่องจากเมื่อต้นปีคนที่เรารักที่สุดสองคนได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ และแน่นอนเราจึงไม่สามารถรอช้าที่จะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเปิดอ่าน และเล่าสู่ทุกคน หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ได้เล่าผ่านประสบการณ์จากหลายบุคคลที่สูงอายุและภูมิปัญญา โดยแบ่งออกเป็น 10 บท ได้แก่บทที่ 1 ทำไมบางคนค้นพบความหมายและตายอย่างมีความสุขบทที่ 2 ทำไมผมจึงอยากคุยกับกลบกประจำเมือง(และคนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี อีก 200 คน) เกี่ยวกับชีวิตบทที่ 3 ความลับข้อที่หนึ่ง : ซื่อสัตย์กับตัวเองบทที่ 4 ความลับข้อที่สอง : อย่าปล่อยให้เสียดายบทที่ 5 ความลับข้อที่สาม : ใช้ชีวิตด้วยความรักบทที่ 6 ความลับข้อที่สี่ : อยู่กับปัจจุบันบทที่ 7 ความลับข้อที่ห้า : ให้มากกว่ารับบทที่ 8 เมื่อคุณรู้ว่าต้องไป (นำความลับไปปฏิบัติจริง)บทที่ 9 เตรียมตัวตายให้ดี : คนมีความสุขไม่กลัวตายบทที่ 10 บทเรียนสุดท้าย : ไม่สายเกินไปที่จะดำเนินชีวิตตามความลับ หลังจากที่เราได้หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาดู ซึ่งตามความเคยชิน คือ ชอบอ่านสารบัญก่อนเสมอ สิ่งแรกที่คิดหลังจากอ่านสารบัญคือ ก็เรื่องทั่วไปรู้หมดแล้ว แต่ด้วยราคาที่ไม่แพงมากนักจึงทำให้เราตัดสินใจซื้อมาและอยู่ในกรุหนังสือเป็นเวลาเกือบหนึ่งปี จนกระทั่งวันนี้ วันที่หยิบขึ้นมาอ่านบอกได้เลยว่า สิ่งที่เราเคยเข้าใจแต่ไม่มีความลึกซึ้งนั้น มันกลับมีความลึกซึ้งขึ้นมาเยอะ หลายเรื่องที่เรารู้พอมาประยุกต์เข้ากับอีกเรื่องมันจะกลายเป็นเรื่องใหม่ที่น่าสนใจขึ้นมาทันที เฉกเช่นเดียวกับหนังสือเล่มนี้ที่หยิบยกหลายแง่มุมในชีวิตที่เราเคยรู้อยู่แลเวมาประยุกต์เข้ากับความตาย มันทำให้เกิดความลึกซึ้งขึ้นได้ทันทีหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือสำหรับคนอยากตายหรือคนพร้อมจะตาย แต่หนังสือเล่มนี้มีค่ากับคนทุกเพศทุกวัยที่กำลังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะกำลังค้นหาอะไรในชีวิตอยู่ก็ตาม บทเรียน 5 ข้อที่ได้จาก The Five Secrets You must discover before you die ความลับ 5 ข้อที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย บทเรียนที่หนึ่ง : ซื่อสัตย์กับตนเองต้องใช้ความกล้า หลายคนที่เรารู้ว่าเราอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร หรือใช้ชีวิตแบบไหน แต่เรากลับเลือกในสิ่งตรงกันข้ามเพราะความกลัว กลัวใครบางคนผิดหวัง กลัวการไม่ยอมรับ กลัวความรับผิดชอบ หลายความกลัวเกิดขึ้นในตัวเราจนทำให้เราต้องเลือกชีวิตในแบบที่ต่างออกไป เพราะอย่างน้อยเมื่อเกิดความผิดพลาดจะเป็นอะไรสักอย่างที่ต้องรับผิดชอบต่อความผิดนั้น แต่ไม่ใช่ฉัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลายคนรวมถึงเราด้วยดังนั้นจงซื่อสัตย์กับตัวเอง แม้จะต้องใช้ความกล้าเพื่อลบความกลัวมากแค่ไหนก็ตาม อย่างน้อยวันหนึ่งเราจะไม่ต้องเสียใจหากเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นกับเราจงซื่อสัตย์กับตัวเองแม้จะต้องใช้ความกล้าเพื่อลบความกลัวมากแค่ไหนก็ตาม บทเรียนที่สอง : ถ้ารู้แบบนี้ฉันจะ... คำคำนี้เป็นคำที่จะติดค้างเราไปจนวันตาย ดังนั้น ถ้าเราไม่อยากจะเสียดายอะไรในชีวิตอีก จากข้อนี้สิ่งที่เราทำคือ เขียนสิบอย่างที่อยากทำในปีนี้ให้จบในกระดาษ และหาเวลาว่างหรือเวลาอะไรก็ตามที่เรามักจะใช้ทำอย่างอื่นเจียดมาเพื่อทำสิ่งเหล่านั้น โดยลบคำว่าความกลัวออก แม้มันจะเสี่ยงเพิ่มขึ้นมาหน่อย จริงๆ การเดินหนีจากสิ่งที่เราต้องการ อาจจะทำให้เกิดเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิต หรืออาจจะเกิดความเลวร้ายขึ้นก็ได้ ไม่มีใครรู้แต่ที่รู้อย่างหนึ่งคือ เราจะเสียดายเสมอเมื่อนึกถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นแต่ในใจลึกๆ ก็รู้ดีว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแต่อีกทางที่ดีเช่นกันคือ เลิกยึดติดกับอดีตปล่อยวางมันลงเสีย เพราะต่อให้เรารู้สึกเสียดายและเสียใจมากแค่ไหน เราก็ไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนมันได้อีกแล้วเราจะเสียดายเสมอเมื่อนึกถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นแต่ในใจลึกๆ ก็รู้ดีว่ามันจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก บทเรียนที่สาม : ใช้ความรักนำทางชีวิตให้มากขึ้น และทำร้ายผู้อื่นให้น้อยลง ไม่ว่าจะเป็นกายวาจาใจ หรือแม้กระทั่งความคิด ข้อนี้ฟังดูเหมือนสำหรับคนโลกสวย แต่จริงๆ ถ้าเรามองดีๆ โลกก็อาจจะไม่ได้แย่เหมือนที่เราคิด เพราะคนที่มองโลกสวย เขาก็มีด้านที่ไม่ดีทางความคิดเช่นกัน เพียงแต่เราเลือกที่จะให้ความสำคัญกับสิ่งไหนมากกว่า ด้านไหนที่แสดงพลังออกไปแล้วให้คุณค่าต่อบุคคลรอบตัวมากกว่าความรักน่าจะเป็นเพียงสิ่งที่เดียวที่เราคิดถึงได้ในตอนที่ตายเพราะคงมีน้อยคนนักที่จะนึกถึงบุคคลที่เราเกลียดในตอนที่เรากำลังประสบภาวะทุกข์ร้อน และมันคงแย่มากๆ ที่ไม่มีคนที่เรารักให้คิดถึงเลยในเวลานั้น หรือเมื่อเราคิดถึงคนที่ไม่ชอบแต่กลายเป็นว่าเพิ่งสำนึกได้ว่าแท้จริงแล้วเขาก็มีบางเรื่องดีๆ ที่ให้เราคิดถึง แต่กลับเพิ่งนึกขึ้นได้ ดังนั้นคิดถึงทุกคนที่เข้ามาปฏิสัมพันธ์กับเราในแง่งามที่เขามีในตอนนี้ อย่างน้อยเรายังพูดคุยและหัวเราะกับเขาได้ ดีกว่าตอนที่ต้องนอนติดเตียงแล้วมานั่งคิดถึงความหลังที่ดีของพวกเขาและที่สำคัญคือ อย่าลืมใช้เวลากับคนที่คุณรักให้มากขึ้น เมื่อเวลานั้นมาถึงคุณไม่มีทางรู้เลยว่า เขาหรือคุณ ใครจะไปก่อนกัน ที่รู้แน่ๆ คือ ณ ตอนนี้คุณยังมีเวลาเหลืออยู่รีบทำเสียคิดถึงทุกคนที่เข้ามาปฏิสัมพันธ์กับเราในแง่งามที่เขามี บทเรียนที่สี่ : “เรากำลังใช้ชีวิตแทนที่จะเพียงวางแผนชีวิต” มันคือคำที่ก้องอยู่ในหัวมากๆ หลายครั้งที่เราถามตัวเองว่า “จริงๆ แล้วในหนึ่งวันเราอยู่กับตัวเองในปัจจุบันได้กี่ชั่วโมง กี่นาทีกันแน่” หลายครั้งที่เราคิดถึงอนาคตมากเกินไปเพราะความกลัว และหลายครั้งเราก็เสียใจกับอดีตมากเกินไปเพราะความเสียดาย แต่ถ้าทุกคนสังเกตดูดีๆ ว่าทุกครั้งที่เรากลับมาอยู่กับปัจจุบันเราจะไม่รู้สึกอะไรเลยยกเว้นคำว่า “รับอะไรดีคะ”ที่เราถามลูกค้า และ “ข้าวผัดกุ้ง” ที่ลูกค้าสั่งเรา อันนี้เป็นเรื่องจริงที่เราลองทำดูและมันสนุกมากๆ เราจะเห็นอะไรหลายๆ ตรงหน้าเป็นเรื่องสนุก และเชื่อเถอะว่าเราไม่สารถเปลี่ยนกรรมที่เราทำแล้วในอดีตได้ แต่เราเลือกที่จะสร้างกรรมที่จะเกิดขึ้นตอนนี้ให้ดีได้ เพื่อที่ในอนาคต เราจะได้มีเรื่องที่ยิ้มได้เหมือนตอนนี้ถ้าตอนนี้เรายิ้มได้อนาคตที่เราจะนึกถึงวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นเรื่องที่ยิ้มได้เช่นกัน บทเรียนที่ห้า : ทุกครั้งที่เราได้รับอะไรจากใครเราจะยิ้มได้และขอบคุณเสมอ เราจะบอกกับตัวเองว่าวันนี้ฉันได้รับ วันถัดไปฉันจะให้ แต่ถ้าเรามาคิดดูดีๆ ทุกครั้งที่เราเป็นผู้รับเราก็สามารถเป็นผู้ให้ได้เช่นกันนั่นคือการให้คำขอบคุณ เราทุกคนล้วนเป็นห่วงโซ่ซึ่งกันและกัน และนั่นทำให้เราทุกคนเชื่อมต่อถึงกัน ตอนที่ยังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบเราเข้าใจเรื่องนี้แต่ยังมองไม่เห็นภาพโดยรวม การที่เราได้อ่านจบมันทำให้เรารู้สึกขอบคุณที่ทำให้เราเห็นภาพเหล่านั้นชัดเจนมากขึ้น การให้ไม่เพียงแต่เชื่อมโยงเรากับคนอื่นๆ บนโลก แต่ยังทำให้อัตตาของเราที่เพิ่มขึ้นลดลงได้อีกด้วย และเมื่อนั้นความเชื่อมโยงถึงผู้อื่นจะง่ายขึ้น อย่างน้อย คุณก็กล้าจะขอบคุณคนที่กำลังกวาดถนนอยู่ถึงแม้คุณจะมีเงินเดือนเกินครึ่งแสน และเชื่อเราเถอะว่าโมเม้นนั้นคุณจะรู้สึกดีกับตัวเองอย่างบอกไม่ถูกทุกครั้งที่เราได้รับอะไรจากใครเราจะยิ้มได้และขอบคุณเสมอสุดท้ายแล้วในวันที่คุณจากโลกนี้ คุณจะเห็นได้ว่าการเป็นผู้ให้มันง่ายกว่าที่คุณคิด อย่างน้อยวันที่คุณจากไปคุณได้ให้ความรู้สึกหลายๆ อย่าง แก่คนหลายๆ คน ในวันนั้นเหมือนที่ฉันกำลังเจอและบทความอยู่ในวันนี้ หนังสือเล่มนี้ได้ทำให้บทความนี้เกิดขึ้นอีกด้วย เพื่อที่จะส่งต่อข้อความที่มีคุณค่าที่เราได้รับพลังบางอย่างมาจากหนังสือเล่มนี้ ที่เราอยากบอกคือ อยากให้ทุกคนลองอ่านหนังสือเล่มนี้และส่งต่อพลังงานที่ดีบางอย่างสู่คนรอบๆ ตัวคุณเช่นกัน เพื่อนๆ สามารถหาซื้อหนังสือเล่มนี้ได้ที่ SE-ED BOOK ONLINE หรือ Naiin Online หรือ Asia Book หรือ KinoKuniya Book สุดท้ายนี้หวังว่าบทความนี้จะทำให้เพื่อนๆ หลายๆ คนอยากอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะการเรียนรู้ที่ดีที่สุดบางครั้งก็แค่การเปิดกระดาษแล้วอ่านมุมมองความคิดของใครสักคนผ่านตัวหนังสือเท่านั้นเอง เขียนและเรียบเรียงโดย : ตัวอักษรสีน้ำเงินFacebook : https://www.facebook.com/blueletterstudio/Blockdit : https://www.blockdit.com/pages/5e9a2801a0d60b1b2249b48fTrueID : https://cities.trueid.net/@14995 ขอขอบคุณรูปภาพประกอบภาพหน้าปก รูปถ่ายโดยผู้เขียนรูปภาพที่ 1 รูปถ่ายโดยผู้เขียนรูปภาพที่ 2 รูปถ่ายโดยผู้เขียนรูปภาพที่ 3 pixabay