WHAUPปี66แกร่ง-มาร์จิ้นพุ่ง รุกธุรกิจน้ำ-ไฟฟ้าขยายพอร์ต

#WHAUP #ทันหุ้น-WHAUP ส่งซิกปี 2566 ผลงานแกร่ง ต้นทุนค่าก๊าซลดหนุนมาร์จิ้นพุ่ง ตั้งเป้าหมายสัญญา PPA ที่ลงนามแล้ว 300 MW ดันสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ลงนามปีนี้แตะ 847 MW พร้อมติดสปีดชิงงานโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนภาครัฐ ขนาด 200 MW ด้านปริมาณน้ำประปาและการจัดการน้ำเสียทั้งหมดปีนี้จะเพิ่มเป็น 168 ล้านลูกบาศก์เมตร
นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2566 คาดว่าจะมีทิศทางการขยายตัวที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน หลักๆ เป็นผลมาจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงปริมาณน้ำประปาและการจัดการน้ำเสียทั้งหมดที่สูงขึ้น สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับความต้องการใช้น้ำและไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นจากผู้ใช้อุตสาหกรรม อีกทั้งจากการที่ต้นทุนค่าก๊าซที่ปรับตัวลดลงนับตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน ทำให้คาดว่าหากราคาทรงตัวในระดับนี้ได้จะช่วยหนุนต่ออัตรากำไรในปีนี้ของบริษัทให้ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนอีกด้วย
*ดีมานด์น้ำไฟพุ่ง
ทั้งนี้ ในปี 2566บริษัทตั้งเป้าธุรกิจด้านพลังงานจะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่ลงนามแล้วเพิ่มเป็น 847 เมกะวัตต์ (MW) จากปี 2565 ที่ 683 MW ประกอบไปด้วยพลังงานสิ้นเปลือง (Conventional Power) 547 MW ,พลังงานแสงอาทิตย์ 133 MW และพลังงานจากขยะอุตสาหกรรม (Waste to Energy) 3 MW ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) อย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายจะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ที่ลงนามแล้ว 300 MW ภายในสิ้นปีนี้
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้เข้าร่วมประมูลงานโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนของภาครัฐ ขนาดกำลังผลิตรวมกว่า 200 MW ด้วยเช่นกัน ซึ่งในส่วนนี้ต้องรอดูการประกาศผลผู้ชนะในระยะถัดไป แต่อย่างไรก็ดี มองว่าบริษัทค่อนข้างมีความพร้อมในทุกด้านทั้งทรัพยากร ความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารและจัดการ ทำให้มองว่ามีโอกาสที่จะได้รับงานเข้ามาบริหารเพิ่ม
ส่วนธุรกิจยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์นั้น บริษัทคาดว่าปริมาณน้ำประปาและการจัดการน้ำเสียทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นเป็น 168 ล้านลูกบาศก์เมตร จาก ณ สิ้นปี 2565บริษัทมียอดจำหน่ายน้ำและบริหารน้ำรวม 145 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยส่วนใหญ่จะเพิ่มจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มมากขึ้นจากผู้ใช้อุตสาหกรรมรายใหญ่ ที่ได้ทำการเซ็นสัญญาซื้อขายน้ำไปแล้วในปี 2565 พร้อมกันนี้ โรงผลิตน้ำและโรงบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 ได้เริ่มดำเนินการแล้ว ขนาดกำลังการผลิตรวม 3.3ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
รุกฐานธุรกิจน้ำ
นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มก่อสร้างโรงบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง (WHA IER) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 โดยมีกำลังการผลิตรวม 5.8 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี อีกทั้งบริษัทยังมีโครงการเพื่อจัดหาน้ำดิบทดแทนเพื่อความมั่นคงด้านการจัดหาน้ำถึง 2 โครงการ กำลังการผลิตน้ำรวม 10ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยโครงการน้ำดิบแห่งแรกมีขึ้นเพื่อรองรับนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 และเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้ว ส่วนโครงการที่สองในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 (WHA ESIE4) จะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสที่ 1/2566
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศไทยและเวียดนามอย่างต่อเนื่อง และสำรวจหาตลาดใหม่ในประเทศอื่นๆ โดยจากนี้จะมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมและความยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมองหาโอกาสใหม่ๆ กับธุรกิจ New S-Curve เช่น ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี (BESS) และ ไฮโดรเจนการซื้อขายคาร์บอนและการใช้และกักเก็บคาร์บอน (CCUS) เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในอนาคต อย่างไรก็ดี คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในระยะถัดไป
ปี66ผลงานฟื้นตัว
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน )ระบุว่าแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ของ WHAUP จะฟื้นตัวจาก 1. อุปสงค์การใช้น้ำในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากลูกค้าที่ใช้น้ำปริมาณมากเปิดดำเนินการ 2) ผลการดำเนินงาน Duong River ดีขึ้นหลังปรับค่าน้ำเป็น 8,300 ดองต่อล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2566และ 9,100 ดองต่อล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2567 (จาก 7,700 ดองต่อล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2564)
3 .ผลการดำเนินงานของธุรกิจไฟฟ้าจะฟื้นตัว SPP จะกำไรเพิ่มขึ้นหลังค่า Ft ปรับขึ้น (จาก 0.9343 บาทต่อหน่วย ในเดือนก.ย.-ธ.ค. 2565 เป็น 1.5492 บาทต่อหน่วย ในเดือนม.ค-เม.ย. 2566และคาดว่าจะทรงตัวที่ระดับนี้ไปอีกระยะหนึ่ง) ในขณะที่ต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลง (<500 บาท/mmBTU) ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท