6 เทคนิคแก้ปัญหาในชีวิต แนวคิดที่จำเป็นต้องรู้ คุณทำได้!ในแต่ละวันที่เราใช้ชีวิตไปนั้นมีสถานการณ์ให้เราต้องจัดการและแก้ไข โดยทั่วไปเราจะเรียกสถานการณ์ที่ต้องมีการแก้ไขว่า "ปัญหา" โดยเฉพาะปัญหาในชีวิต ผู้เขียนมองว่าปัญหาด้วยตัวมันเองนั้นไม่ได้ทำให้เราแย่ลงเสมอไป พูดง่ายๆ คือปัญหาไม่ใช่อุปสรรคเสมอไปเพราะเราสามารถเอาปัญหามาเป็นแหล่งเรียนรู้ในชีวิตจริง ปัญหามีหลากหลายแบบและแนวทางการแก้ปัญหาก็มีหลายวิธี ตลอดเวลาที่ผู้เขียนเจอสถานการณ์ที่ต้องแก้ไขนั้น จะพยายามแก้ไขด้วยตัวเองตลอดเพื่อการเรียนรู้ค่ะ จนพบว่าจริงๆ แล้วทุกปัญหามีทางแก้ โดยการแก้ปัญหาจะมีหลักการและเทคนิคว่าเอาไว้ว่า การจะแก้ปัญหานั้นต้องทำยังไงบ้าง?ดังนั้นมาในบทความนี้ผู้เขียนอยากบอกต่อถึงเทคนิคในการแก้ปัญหาค่ะ ส่วนหนึ่งได้จากการรวบรวมจากประสบการณ์ตรงและบางส่วนเก็บรวบรวมมาจากหนังสือที่ผู้เขียนได้อ่านที่เขียนไว้เกี่ยวกับเทคนิคการแก้ปัญหาค่ะ ซึ่งเป็นความรู้ที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตจริง ซึ่งก็จะคล้ายกับคุณผู้อ่านมาอ่านเอาความรู้ในบทความนี้ เนื่องจากว่าในชีวิตจริงของเรามีปัญหาให้ต้องแก้ไข ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคในการแก้ปัญหาจึงเป็นเรื่องสำคัญตามมาค่ะ โดย 6 เทคนิคแก้ปัญหาในชีวิต แนวคิดที่จำเป็นต้องรู้ คุณทำได้! มีรายละเอียดดังนี้ค่ะ1. อย่าเอาปัญหามารวมกัน ให้แก้ไปทีละปัญหา ข้อนี้ไม่ได้หมายความว่า หนึ่งปีผ่านไปแก้ได้ปัญหาเดียวนะคะ แต่การแก้ไปทีละปัญหาหมายความว่า สมมติตื่นเช้ามาออกกำลังกาย 10 นาที เพื่อแก้ปัญหาน้ำหนักตัวที่เกินมา จากนั้นไปที่ทำงานก็ไปแก้ปัญหาในที่ทำงาน พอเที่ยงเกิดหิวขึ้นมาก็หาข้าวกินเป็นการแก้ปัญหาเรื่องความหิว กลับมาบ้านผ้าสกปรกเต็มตะกร้าก็ต้องซักผ้าเพื่อแก้ปัญหาผ้าสกปรกสะสมเยอะ พอกินข้าวเสร็จก็อ่านหนังสือเพื่อแก้ปัญหาที่ยังรู้เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งยังไม่ดีพอ พอจะมองเห็นภาพออกไหมค่ะ? การแก้ไปทีละปัญหาถ้าจะพูดด้วยคำพูดอีกแบบนั้น คือ การลงมือทำอะไรหนึ่งอย่างที่เวลาหนึ่ง การทำแบบนี้ทำให้เราสามารถจดจ่อและมีสมาธิกับสิ่งนั้นได้อย่างเต็มที่และได้ผลลัพธ์ จึงทำให้ปัญหาถูกสะสางและหมดไปค่ะ การแก้ปัญหาไปทีละอย่างยังง่ายต่อการคิดว่าขั้นตอนไปคืออะไรที่ต้องทำด้วยค่ะ จึงทำให้ปัญหาถูกสะสางในที่สุดถึงแม้ว่าบางปัญหาอาจมีหลายขั้นตอนที่ต้องทำก็ตามแต่! 2. ฝึกนิสัยการแก้ปัญหาจบ คำพูดนี้อาจไม่ค่อยมีคนพูดแต่การแก้ปัญหาจบทำให้เราติดนิสัยสะสางปัญหาต่างๆ ให้จบลง เคยเห็นคนมีปัญหาเยอะไหมคะ? ในบางครั้งปัญหาอาจไม่ใหญ่หรือยาก แต่เผอิญว่าเขาไม่มีนิสัยการแก้ปัญหาจบเลยทำให้อันนั้นก็ยังไม่เสร็จอันนี้ก็ยังค้างรอสะสาง การแก้ปัญหาจบคือการแก้ปัญหาไปจนจบสิ้นจนปัญหาได้รับการแก้ไข หรืออย่างน้อยต้องสรุปให้ได้ว่าปัญหานั้นท้ายที่สุดแล้วต้องจบตรงไหนและเราก็ต้องแก้ไปให้ถึงจุดนั้น เพื่อสร้างนิสัยการแก้ปัญหาจบค่ะ พอเรามีนิสัยการแก้ปัญหาจบทำให้เราเก่งในการแก้ปัญหามากขึ้นเพราะเราได้บทเรียนมากกว่าคนอื่นที่อาจแก้ปัญหาไม่จบ สิ่งนี้ยังหล่อหลอมให้เรากล้าเผชิญกับทุกปัญหาและคล่องในการแก้ปัญหาค่ะ แถมเรายังคิดบวกมากขึ้นเพราะเราจะมองเห็นว่าทุกปัญหามีจุดสิ้นสุดของมัน3. ใช้หลายวิธีการ อย่าใช้วิธีการเดียว การใช้หลายวิธีทำให้โอกาสในการแก้ปัญหาจบเพิ่มมากขึ้น แต่วิธีการอะไรบ้างนั้นคุณผู้อ่านต้องคิดออกมาค่ะว่า ในปัญหาหนึ่งต้องทำอะไรบ้าง 1 2 3 4 จากนั้นใช้วิธีการเหล่านั้นแก้ปัญหาค่ะ เพราะในหลายๆ ครั้งที่ผู้เขียนได้แก้ปัญหามานั้นพบว่า การใช้หลายวิธีการทำให้ปัญหาถูกแก้ได้เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับใช้เพียงวิธีการเดียว เพราะบางทีลองวิธีหนึ่งเพียงวิธีเดียวปัญหาก็ถูกสะสางไปเกินครึ่งทาง พอเป็นแบบนี้เลยทำให้เรามีกำลังใจในการแก้ปัญหา และมองหาแนวทางอื่นต่อไปได้ง่ายขึ้น เพราะในแต่ละวิธีการจะมีความจำเพาะเจาะจงในตัวมันเอง จึงช่วยทำให้เราสามารถแก้ปัญหาได้เหมือนมืออาชีพมากกว่า และการใช้หลายวิธีทำให้เราไม่ด่วนสรุปว่าปัญหาแก้ไม่ได้เพราะเราจะกล้าลองวิธีอื่นจนปัญหาได้สิ้นสุดลงค่ะ จึงไม่ควรใช้เพียงวิธีการเดียวตลอดโดยเฉพาะเวลาพบว่าวิธีการนั้นไม่ได้ทำให้ปัญหาหายไป การใช้หลายวิธีการทำให้เราไม่สะดุดหรือหยุดหากพบว่าวิธีการหนึ่งให้ผลเพียงนิดเดียว!4. เอาวิธีการแก้ปัญหาของคนอื่นมาใช้กับปัญหาของตัวเอง เทคนิคนี้คือการยืมแบบไม่ได้เป็นหนี้ค่ะ เพราะการเอาวิธีการของคนอื่นมาใช้กับปัญหาของเราทำให้เราเริ่มลงมือแก้ปัญหาได้เร็วขึ้น ลดการเสียเวลามานั่งคิดเอง ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นว่าต้องทำอะไรในทันทีทันใดค่ะ แต่การยืมวิธีการของคนอื่นมาใช้ในบางครั้งไม่สามารถใช้ได้แบบตรงๆ 100% เหมือนต้นฉบับ จึงควรพลิกแพลงให้เข้ากับสถานการณ์ของตัวเองค่ะ เพราะสถานการณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ แต่อย่างน้อยการยืมวิธีการของคนอื่นมาจะทำให้เรามองเห็นภาพว่าขั้นตอนที่ต้องทำมีอะไรบ้าง และจะทำให้เราคิดบวกมากขึ้นในระหว่างแก้ปัญหาไปเพราะเราเห็นว่ามีคนแก้ไขปัญหาที่คล้ายๆ กับปัญหาของเราได้5. ไม่ต้องทำอะไรเลย ปัญหาบางปัญหาไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ การไม่ทำอะไรเลยก็คือการแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง เช่น แดดออก ฝนตก แบบนี้เราไม่ต้องไปแก้ไขอะไรเลยค่ะ และอาจมีปัญหาอื่นๆ ในลักษณะคล้ายๆ แบบนี้ ซึ่งคุณผู้อ่านจะรู้เองด้วยประสบการณ์ว่าต้องใช้เทคนิคไม่ต้องทำอะไรเลย! ตอนไหน การไม่ทำอะไรเลยเป็นเทคนิคที่ไม่ค่อยได้ใช้บ่อย แต่กับได้ผลดีในการแก้ปัญหาบางปัญหาแบบน่าเหลือเชื่อค่ะ6. คิดบวก เทคนิคการคิดบวกทำให้เรามีกำลังใจในการแก้ปัญหามากขึ้น เพราะเราจะมองเห็นทางออกอื่น แนวทางอื่นที่จะทำให้ปัญหาหมดไปได้ เราจึงมั่นใจและลงมือแก้ปัญหาค่ะ การคิดบวกช่วยทำให้เรามีการกระทำที่เป็นบวกมากขึ้น จึงทำให้ปัญหาที่มีอยู่ถูกแก้ไขไป จากประสบการณ์ของผู้เขียน พบว่า หากเรามีความคิดตั้งต้นเป็นบวกแล้ว ปัญหาทั้งหมดถูกจัดการจนราบเป็นหน้ากลองได้หมดค่ะ จึงไม่ควรมองข้ามว่า ต้องคิดบวกในระหว่างแก้ปัญหา!จบไปแล้วค่ะกับ 6 เทคนิคแก้ปัญหาในชีวิต แนวคิดที่จำเป็นต้องรู้ คุณทำได้! โดยทั้งหมดผู้เขียนประยุกต์ใช้ตลอด ถึงตอนนี้ก็ยังประยุกต์ใช้ค่ะ และพบว่า 6 เทคนิคแก้ปัญหาในชีวิต แนวคิดที่จำเป็นต้องรู้ คุณทำได้! ช่วยทำให้ปัญหาต่างๆ ถูกสะสางแบบไม่น่าเชื่อ ถึงแม้ว่าในตอนแรกเราอาจมองไม่เห็นภาพว่าปัญหาจะถูกแก้ไขไปยังไง แต่พอปรับใช้ 6 เทคนิคแก้ปัญหาในชีวิต แนวคิดที่จำเป็นต้องรู้ คุณทำได้! เท่านั้น ปัญหาถูกคลี่คลายคล้ายแก้ปมออกทีละน้อยๆ ค่ะ จนตอนนี้ไม่กลัวที่จะต้องแก้ปัญหาค่ะ เพราะผู้เขียนมีคู่มือมารปราบปัญหาในชีวิต ที่เรียกว่า 6 เทคนิคแก้ปัญหาในชีวิต แนวคิดที่จำเป็นต้องรู้ คุณทำได้! ค่ะ ลองเอาไปปรับใช้กันค่ะรับรองว่าจัดการปัญหาในชีวิตให้อยู่หมัดได้แน่นอน!....okเครดิตภาพประกอบบทความโดย: ผู้เขียนภาพหน้าปก โดย Antoni Shkraba จาก Pexelsออกแบบภาพหน้าปกใน Canvaภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย Alex Green จาก Pexels, ภาพที่ 2 โดย Pixabay จาก Pexels, ภาพที่ 3 โดย SHVETS production จาก Pexels, ภาพที่ 4 โดย cottonbro studio จาก Pexelsบทความอื่นที่น่าสนใจ❇️8 สาเหตุทำไมรู้แต่ไม่ทำในสิ่งที่อยากทำ ที่สามารถแก้ไขได้ กดอ่านเลย✅วิธีเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ที่ดีกว่า โดย Dr. Joe Dispenza อ่านเลย✳️อยากมีนิสัยใหม่ที่ดีต้องเริ่มต้นยังไง โดย Dr. BJ Fogg อ่านเลย✅7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์