รีเซต

ไฟป่าเชียงใหม่ : สู้ไฟจนตัวตาย เรื่องเคราะห์ร้ายของหญิงอาสาสมัครดับไฟป่า

ไฟป่าเชียงใหม่ : สู้ไฟจนตัวตาย เรื่องเคราะห์ร้ายของหญิงอาสาสมัครดับไฟป่า
บีบีซี ไทย
9 เมษายน 2563 ( 14:43 )
87

"พี่ดับไฟเสร็จแล้ว เราเจอกันที่สวนนะ" ต๊ะนี กิจเจริญพัฒน์ ชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง วัย 41 ปี บอกกับ ดิปุ๊ กิจเจริญพัฒน์ ผู้เป็นสามี ก่อนที่เธอจะออกจากบ้านในหมู่บ้านบ้านบนนา ต.บ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ไป

 

ดิปุ๊ ชายไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง วัย 47 ปี ไม่คาดคิดเลยว่านี่คือการบอกลากันครั้งสุดท้ายของภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่ด้วยกันมา 23 ปีเต็มเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมานี้เอง

 

ย้อนกลับไปเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 2 เม.ย. ดิปุ๊กลับจากการลาดตระเวนตรวจตราแนวกันไฟด้วยความเหนื่อยล้าและหิวโหย เพราะใช้เวลาแทบทั้งคืนไปกับการปรับปรุงแนวกันไฟให้ดีขึ้น เพราะไฟกำลังลามประชิดใกล้หมู่บ้านเข้ามาเรื่อย ๆ เขาปลุกต๊ะนีซึ่งกำลังหลับอยู่ให้ลุกมาช่วยหุงหาอาหาร

 

 

ดิปุ๊เล่าให้บีบีซีไทยฟังว่า ระหว่างทำกับข้าว ต๊ะนีบอกกับเขาว่าวันนี้เธอคงไม่ได้ไปช่วยดับไฟป่าเหมือนทุกวันเพราะต้องไปช่วยน้าปลูกข้าว เธอย้ำให้เขาไปช่วยทำแนวกันไฟต่อ ไม่ต้องห่วงงานทางบ้าน หลังจากนอนพักและกินข้าวเอาแรงเรียบร้อยแล้ว ดิปุ๊ก็ออกไปดับไฟป่าและทำแนวกันไฟร่วมกับชาวบ้านคนอื่น ๆ โดยหารู้ไม่ว่าภรรยาของเขาเปลี่ยนแผน ไม่ได้ไปปลูกข้าวและออกไปดับไฟป่าเหมือนกัน แต่ทั้งสองสู้กับไฟอยู่กันคนละจุดจึงไม่ได้เจอกัน

 

"พวกเราสู้กับไฟกันจนประมาณเที่ยง ตอนนั้นลมแรงมาก ไฟลามอย่างรวดเร็ว พวกเรารู้แล้วว่าเอาไม่อยู่ จึงตัดสินใจรีบออกจากพื้นที่ แต่ไฟกำลังไหม้เส้นทางที่เราเดินเข้ามา ขากลับจึงต้องใช้อีกเส้นทางหนึ่ง " ดิปุ๊เล่าด้วยน้ำเสียงเศร้า

 

เมื่อออกจากจุดอันตรายกันได้หมดแล้ว ทุกคนก็มารวมตัวกัน ระหว่างนั้นไฟก็ยังลามใกล้หมู่บ้านเรื่อย ๆ ชาวบ้านจึงได้ประสานให้เจ้าหน้าที่เทศบาลนำรถดับเพลิงขึ้นมาที่หมู่บ้านเพื่อฉีดสกัดไฟ ทุกคนต่างสาละวนอยู่กับภารกิจสกัดไฟตรงหน้าจนกระทั่งพลบค่ำ

 

เมื่อไฟเริ่มมอด ชาวบ้านแยกย้ายกัน ดิปุ๊กลับถึงบ้านแต่ไม่พบภรรยา เขารู้สึกผิดสังเกตแต่ก็ยังนึกอยู่ในใจว่าคงยังปลูกข้าวไม่เสร็จจึงยังไม่กลับมา จนเวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ เพื่อนบ้านคนหนึ่งมาถามหาว่า "ต๊ะนีไปไหน"

 

"พอมีคนถามว่าภรรยาผมหายไปไหน ผมก็ตอบด้วยความมั่นใจว่า ไปปลูกข้าว" ดิปุ๊เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่ความมั่นใจนั้นหมดลง เมื่อเพื่อนบ้านบอกเขาว่าต๊ะนีตามเขาเข้าป่าไปดับไฟตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว

 

"วินาทีนั้นผมตกใจมาก ผมรู้ในทันทีว่าเขาไม่อยู่กับผมแล้ว ไฟโหมหนักขนาดนั้น แต่คนอื่น ๆยังคิดว่าต๊ะนีน่าจะยังมีชีวิตอยู่เพราะตลอดช่วงเกือบสิบปีมานี้ก็ออกดับไฟป่าด้วยกันมาตลอด น่าจะแค่หลงป่า" เขาเล่า

 

เมื่อตั้งสติได้ เขาจึงชักชวนคนในหมู่บ้านออกตามหาภรรยาทันที ไม่นานหลังจากนั้นก็พบร่างของต๊ะนี ในสภาพถูกไฟคลอกทั้งร่าง เสียชีวิตอยู่ไม่ห่างจากแนวกันไฟที่ดิปุ๊ทำไว้ ต๊ะนี คือ 1 ใน 6 เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครดับไฟป่าในภาคเหนือที่เสียชีวิตในปีนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 9 เม.ย.) ขณะที่เว็บไซต์ MGR Online รายงานว่าปีที่แล้ว มีเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครดับไฟป่าเสียชีวิต 8 คน

 

"ผมเสียใจมาก ผมได้คุยกับเขาเมื่อเช้าวันนั้นแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง และผมก็จะไม่ได้คุยกับเขาอีกแล้ว" ดิปุ๊กล่าวทิ้งท้ายก่อนจะยุติบทสนทนาไว้เพียงเท่านี้

 

ครั้งแรกในรอบ 40 ปี

 

ไฟป่าที่เผาผลาญป่าใกล้หมู่บ้านบ้านบนนานั้นลุกลามมาจากไฟป่าในพื้นที่รอยต่อ อ.แม่แจ่ม และ อ.จอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ที่เกิดตั้งแต่ 29 มี.ค.และขยายวงออกไปราว 5 กม.

 

สาคร บุญญานุกูล อดีตผู้ใหญ่บ้านหย่อมบ้านขยัน หนึ่งในเก้าหย่อมบ้านของหมูบ้านบ้านบนนา บอกกับบีบีซีไทยว่าบริเวณรอยต่อระหว่าง อ.แม่แจ่ม กับ อ.จอมทอง ซึ่งห่างจากหมู่บ้านออกไปประมาณ 5 กม. จะมีไฟลามเข้ามาแทบทุกปี ทำให้ชาวบ้านบ้านบนนาทุกหย่อมบ้านต้องรวมตัวกันมาช่วยกันทำแนวกันไฟในทุกเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อกันไม่ให้ไฟลามมาจนถึงหมู่บ้านได้ ซึ่งชาวบ้านก็สามารถควบคุมไฟให้อยู่แค่ตรงบริเวณนั้นไว้ได้ในทุกปี...ยกเว้นปีนี้

 

สาครอธิบายเพิ่มเติมว่า ความแห้งแล้งที่มีมากกว่าทุกปี ทำให้ปีนี้ลำห้วยที่เคยมีน้ำไหลหล่อเลี้ยงผืนป่าแถบนั้นเหือดแห้ง ไม่มีน้ำเป็นแนวกันไฟตามธรรมชาติที่ช่วยป้องกันไม่ให้ไฟลามต่อเนื่องเหมือนปีที่ผ่านมา และตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีไฟไหม้ในบริเวณใกล้ ๆ หมู่บ้านเลย พื้นที่ป่าหลังแนวกันไฟมาจนถึงหมู่บ้านจึงมีใบไม้ทับถมค่อนข้างมาก เมื่อไฟลามข้ามแนวกันไฟมาได้ใบไม้เหล่านี้จึงเป็นเชื้อไฟอย่างดี ภายในเวลาเพียง 5 วัน ไฟก็ลามเข้ามาประชิดหมู่บ้าน

 

"ชาวบ้านบ้านบนนาและชาวบ้านจากหย่อมบ้านทั้งเก้าแห่ง ออกไปทำแนวกันไฟกันทุกวันตลอด 5 วัน แต่ไฟแรงมากกันไม่ได้ พวกเราก็ถอยและทำแนวกันไฟกันมาเป็นระยะ จนในที่สุดก็ไหม้มาเกือบถึงหมู่บ้าน" สาครกล่าว

 

ด้านนายอุดม ตะบิ เจ้าหน้าที่หน่วยจัดการต้นน้ำแม่เตี๊ยะ บอกกับบีบีซีไทยว่า เนื่องจากกำลังพลไม่เพียงพอจึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมดับไฟป่ากับชาวบ้านได้แค่ 1-2 คน อีกทั้งหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าดิบชื้นที่ความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถ้าหากไฟไหม้ไม่รุนแรงจริง ๆ ดาวเทียมก็จะไม่สามารถตรวจจับจุดความร้อนได้ ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจส่งกำลังพลเข้าสนับสนุนการดับไฟป่า

 

เห็นได้จากครั้งนี้ ขนาดไฟไหม้รุนแรง เจ้าหน้าที่ภาคพื้นยังบอกว่าไม่พบสัญญาณจุดความร้อนในพื้นที่ นายอุดมกล่าว

 

ไฟป่ายังดับไม่ได้จริง

สถานการณ์ไฟป่าของเชียงใหม่ ดูเหมือนว่าจะไม่จบลงง่าย ๆ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวบีบีซีไทย เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ว่าดับไฟป่าได้แล้ว 100% แต่ข้อมูลของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เมื่อ 7 เม.ย. ยังตรวจพบจุดความร้อนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ทั้งหมด 29 จุด โดย 90% พบในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ

 

 

เว็บไซต์ส่วนควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชรายงานว่า ณ วันที่ 6 เม.ย. ใน จ.เชียงใหม่ มีพื้นที่ป่าที่ถูกไฟไหม้ไปแล้วทั้งหมด 46,871 ไร่ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าการรายงานของศูนย์บัญชาการป้องกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ระบุว่าไฟไหม้ป่าไปแล้วถึงกว่า 4 แสนไร่

 

ขณะที่ข้อมูลจากตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งดูแลพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือระบุว่าระหว่างวันที่ 1 ม.ค.- 4 เม.ย. มีการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการทำให้เกิดไฟป่าและหมอกควันกว่า 300 คน

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง