'สายวิทย์' กับ 'สายศิลป์' เรียนสายไหนดีนะ? น้องๆ หลายคนอาจจะมีคำถามนี้อยู่ในใจ โดยเฉพาะน้อง ม.ต้น ที่กำลังจะขึ้น ม.ปลาย แล้วต้องเลือกสายการเรียน แต่ 'สายวิทย์' กับ 'สายศิลป์' ในรั้วมหาวิทยาลัยล่ะ ต่างกันแค่ไหน คณะวิทย์ยากกว่าจริงมั้ย คณะมนุษย์เรียนง่ายจริงรึเปล่า แล้วแต่ละคณะเรียนอะไรบ้าง มาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้ได้เลยค่ะก่อนอื่นพี่ต้องเล่าก่อนว่าพี่เรียน ม.ปลาย สายวิทย์คณิตมาค่ะ เพราะคิดเหมือนน้องๆ หลายคนว่าจะได้มีตัวเลือกในการเลือกคณะได้มากกว่า แต่ตอนนั้นในใจพี่ก็อยากเรียนสายวิทยาศาสตร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วนะ เพราะอยากทำงานในห้องแลป อยากทำงาน R&D (Research and Development หรือ การวิจัยและพัฒนา) ก็เลยสอบแอดมิชชั่นเข้าคณะวิทยาศาสตร์ พอเข้ามาเรียนในคณะก็เริ่มอยากทำงานเกี่ยวกับน้ำมันและปิโตรเลียม เลยเลือกภาควิชาเคมีอุตสาหกรรมแต่เรียนไปเรียนมากลับรู้สึกว่าตัวเองชอบภาษามากกว่า แถมยังทำคะแนนวิชาเกี่ยวกับภาษาได้ดีกว่าคะแนนวิชาเอกตัวเองอีก พี่เลยอยากซิ่วไปเรียนด้านภาษา แต่ตอนนั้นอยู่ ปี 2 แล้ว ที่บ้านก็อยากให้เรียนที่เดิมให้จบ ยื้อไปยื้อมาจนถึง ปี 4 เทอม 2 พี่ก็เป็นโรคซึมเศร้าหนักมากจนต้องแอดมิทแผนกจิตเวช (อ่าน ประสบการณ์แอดมิทในแผนกจิตเวช ได้นะคะ ;p) ต้องดรอปเรียนไปทั้งเทอมเลย ไปๆ มาๆ ที่บ้านก็เลยให้ลาออกกลับมาอยู่บ้าน เพื่อจะได้ดูแลได้ใกล้ชิดขึ้น พออาการเริ่มดีขึ้นแล้ว พี่เลยสอบแอดมิชชั่นอีกรอบ แล้วเลือกคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาเกาหลีค่ะ ที่เลือกเรียนเอกนี้คือส่วนหนึ่งก็ชอบภาษาเกาหลีอยู่แล้ว อีกส่วนคืออยากคุยกับไอดอลเกาหลีรู้เรื่องค่ะ >.<สรุปพี่เลยได้เรียนทั้งคณะวิทยาศาสตร์และคณะมนุษยศาสตร์ แต่เรียนที่มหาวิทยาลัยคนละแห่งกันนะคะ มันอาจจะเทียบไม่ได้ 100% เพราะมหาวิทยาลัยแต่ละที่ก็มีสภาพแวดล้อมและการเรียนการสอนที่แตกต่างกันออกไป แต่น่าจะพอเป็นแนวทางในน้องๆ ได้บ้าง แล้วแต่ละคณะจะเป็นยังไง มาดูกันเลยค่ะ คณะวิทยาศาสตร์ในคณะวิทยาศาสตร์ของแต่ละมหาวิทยาลัย จะมีภาควิชาให้เลือกเรียนแตกต่างกันไป แต่หลักๆ ก็จะมีภาควิชาเคมี ภาควิชาชีววิทยา ภาควิชาฟิสิกส์ และภาควิชาคณิตศาสตร์ ส่วนภาควิชาอื่นๆ ก็อย่างเช่น ภาควิชาจุลชีววิทยา ภาควิชาพฤกศาสตร์ ภาควิชาวัสดุศาสตร์ ภาควิชาธรณีวิทยา ภาควิชาชีวเคมี ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล ภาควิชาสิ่งแวดล้อม ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ รวมทั้งภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม ที่พี่เรียนนั่นเองค่ะ คณะวิทยาศาสตร์ เรียนอะไรบ้างปี 1 คณะวิทยาศาสตร์ จะเรียนเหมือนกันทุกภาควิชาค่ะ โดยจะเป็นพวกวิชาพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ เช่น แคลคูลัส ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และเริ่มมีเรียนแลปตั้งแต่เทอม 1 เลยค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าเรียนคณะวิทย์แล้วจะทิ้งภาษาได้นะคะ เพราะยังต้องเรียนภาษาอังกฤษอยู่ พอปี 2 จะเริ่มเรียนวิชาเฉพาะในภาควิชาของตัวเองมากขึ้น เช่น เคมีอินทรีย์ เคมีเชิงฟิสิกส์ เคมีวิเคราะห์ เริ่มเรียนแลปมากขึ้น และยังมีภาษาอังกฤษบ้างนิดหน่อยในปี 3 คราวนี้ลงลึกเข้าไปอีก ไม่ว่าจะเป็นวิชาเคมีกระบวนการอุตสาหกรรม สถิติสำหรับเคมีอุตสาหกรรม เคมีจลน์และการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์เคมี เป็นต้น ส่วนวิชาภาษาไม่มีแล้วค่ะ ยกเว้นน้องๆ จะลงเรียนเป็นวิชาเลือกเสรีและเมื่ออยู่ ปี 4 ก็จะได้ไปฝึกงานในโรงงาน มีวิชาสัมมนา และวิชาเอกเลือก รวมทั้งมีการทำวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ด้วยค่ะ รีวิวคณะวิทยาศาสตร์คณะวิทยาศาสตร์เรียนหนักมั้ย? ส่วนตัวพี่ไม่เรียกว่าหนักนะคะ แต่ยากมากกก และมีวิชาคำนวณเยอะมากกก ถ้าน้องๆ คนไหนชอบเลข บอกเลยว่าสนุกแน่นอน แต่พี่ไม่ไหวค่ะ ฮือ ตอนพี่เรียนอาจารย์จะค่อนข้างชิวมาก ไม่มีเช็กชื่อ อยากเข้าเรียนก็เข้า ไม่เข้าก็ไม่ตาม ตอนสอบก็เป็น Open books ซะส่วนใหญ่ (เป็นการสอบแบบที่สามารถเอาหนังสือเรียนและชีทเข้าห้องสอบได้) แต่ถึงจะ Open books ก็ทำไม่ได้อยู่ดีค่ะ เพราะโจทย์ออกไม่เหมือนในชีทแน่นอน จะมีการพลิกแพลงห้าสิบตลบ คะแนนเก็บก็ไม่ค่อยมี บางวิชาก็คะแนนสอบกลางภาค 50% คะแนนสอบปลายภาค 50% เลยก็มี ทำให้แต่ละวิชามีคนติด F เป็นปกติเลยแต่คณะวิทยาศาสตร์ก็มีข้อดีคือได้ทำแลปเยอะมากๆ วิชาแลปเป็นอะไรที่สนุกมาก ได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆ ได้เห็นของจริง ได้ลงมือปฏิบัติที่ไม่ใช่เห็นแค่ทฤษฎีในหนังสือ เหมาะสำหรับคนที่ชอบอะไรแบบที่จับต้องได้เป็นรูปธรรม แต่สำหรับน้องๆ คนไหนที่ไม่ชอบคำนวณ ไม่ชอบทำแลป คณะวิทยาศาสตร์ก็อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนักคณะวิทยาศาสตร์จบไปทำอะไรได้บ้าง? เท่าที่พี่เห็นเพื่อนๆ ทำงานกัน ก็จะทำงานในโรงงานเป็นส่วนใหญ่ ทำการทดลอง วิจัย และคิดค้นผลิตภัณฑ์ต่างๆ หรืออาจจะควบคุมดูแลสายการผลิต บางคนก็เรียนต่อปริญญาโท แล้วมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยก็มีค่ะ คณะมนุษยศาสตร์ จริงๆ แล้ว คณะมนุษยศาสตร์ มีความคล้ายคลึงกับคณะอักษรศาสตร์และคณะศิลปศาสตร์มาก โดยคณะมนุษยศาสตร์ที่พี่เรียน จะเรียนเกี่ยวกับภาษาต่างๆ ไม่ต่างจากคณะอักษรศาสตร์เลยค่ะ ในคณะมนุษยศาสตร์จะแบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่างๆ (หรือที่มักจะเรียกกันว่า "วิชาเอก") เช่น สาขาวิชาภาษาไทย สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น สาขาวิชาภาษาอังกฤษ สาขาวิชาภาษาเกาหลี สาขาวิชาภาษาจีน สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส เป็นต้น และนอกจากวิชาเอกแล้ว ยังต้องเรียนวิชาโทด้วย โดยวิชาโทก็จะมีให้เลือกหลายกลุ่ม เช่น วิชาโทภาษาอังกฤษ วิชาโทภาษาอินโดนีเซีย วิชาโทภาษาเขมร วิชาโทภาษาเวียดนาม วิชาโทภาษาลาว วิชาโทภาษาสเปน ฯลฯ วิชาเอก - วิชาโท คืออะไรวิชาเอก คือ วิชาที่น้องๆ จะเลือกเรียนเป็นวิชาหลัก หรือก็คือสาขาวิชานั่นเองค่ะ ส่วนวิชาโท ไม่ใช่ปริญญาโทนะคะ วิชาโท คือ วิชาที่เรียนรองลงมา คล้ายๆ ว่าเราต้องเรียน 2 สาขา 2 ภาษานั่นเองค่ะ แต่สาขาที่ 2 (วิชาโท) จะมีวิชาเรียนน้อยกว่าสาขาแรก (วิชาเอก) นิดนึง โดยที่พี่เรียนคือวิชาเอกภาษาเกาหลี แต่วิชาโทภาษาอังกฤษค่ะ ดังนั้นพี่จะเรียนวิชาเกี่ยวกับภาษาเกาหลีเยอะมาก และเรียนวิชาเกี่ยวกับภาษาอังกฤษรองลงมา น้องๆ ก็เลือกเรียนในภาษาที่ชอบได้เลยทั้งวิชาเอก และวิชาโท (แต่ตอนสอบเข้า สอบด้วยวิชาเอกนะคะ) คณะมนุษยศาสตร์ เรียนอะไรบ้างปี 1 มีวิชาทั่วไปที่เรียนคล้ายกันทุกสาขา เช่น วิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน และจะเริ่มเรียนวิชาเอกตั้งแต่เทอม 1 เลย เช่น วิชาการสนทนาภาษาเกาหลี วิชาสังคมและวัฒนธรรมเกาหลี วิชาไวยากรณ์ภาษาเกาหลีเบื้องต้น แล้วก็ยังต้องเรียนวิชาวิทยาศาสตร์อยู่นะคะ แต่จะเป็นวิทยาศาสตร์เบื้องต้นเท่านั้นปี 2 เรียนวิชาเอกลึกขึ้น ไวยากรณ์ยากขึ้น สนทนายากขึ้น รวมทั้งยังมีวิชาเอกเลือก และวิชาโทเข้ามา (วิชาโทจะเลือกตอนขึ้นปี 2) วิชาเอกเลือก เช่น ระบบวากยสัมพันธ์ภาษาเกาหลี ภาษาเกาหลีสำหรับการท่องเที่ยว ภาษาเกาหลีเพื่อการสื่อสารมวลชน ภาษาเกาหลีสำหรับธุรกิจและงานเลขานุการ วรรณคดีเกาหลีโบราณ อักษรจีนในภาษาเกาหลี ละครและภาพยนตร์เกาหลี เป็นต้นปี 3 เรียนวิชาเอกลึกขึ้นไปอีก ยากขึ้นกว่าปี 2 มีวิชาการแปลภาษาเกาหลี และวิชาการล่ามภาษาเกาหลีเพิ่มขึ้นมา และยังคงเรียนวิชาเอกเลือกและวิชาโทอยู่ปี 4 เทอมแรกจะมีการทำวิทยานิพนธ์ และวิชาเอกเลือก ส่วนเทอมที่ 2 จะเป็นการฝึกงานค่ะ รีวิวคณะมนุษยศาสตร์คณะมนุษยศาสตร์เรียนง่ายจริงมั้ย? ไม่จริงค่าาา ไม่จริงแบบตะโกน มองผ่านๆ อาจจะคิดว่าง่าย แต่พอมาเรียนแล้วไม่ง่ายเลย คืออาจจะง่ายสำหรับคนที่ชอบภาษา แต่ส่วนตัวพี่คิดว่าถ้าเทียบกับคณะวิทย์แล้ว คณะมนุษย์เรียนง่ายกว่า แต่เรียนหนักกว่าแล้วใครบอกว่าเรียนสายภาษาแล้วมีเวลาว่างเยอะ มีเวลาพักผ่อน คือบ่ใช่เด้อออ เพราะคณะมนุษย์เน้นท่องจำเกือบ 100% จำอักษร จำไวยากรณ์ จำศัพท์ ฯลฯ เรียกว่าจำกันหัวแทบแตก ไม่เหมือนคณะวิทย์ที่เปิดสูตรได้ เอาเครื่องคิดเลขเข้าสอบได้ด้วย แต่คณะมนุษย์เข้าไปสอบแบบตัวเปล่า บางทีสอบพูดสนทนากับอาจารย์ตัวต่อตัวก็มี การตัดเกรดของคณะวิทยาศาสตร์ส่วนมากจะตัดเกรดแบบอิงกลุ่ม เช่น น้องๆ สอบกลางภาคได้คะแนนสูงสุดของเซค คือได้ 60 เต็ม 100 แต่น้องก็จะยังได้เกรด A ไม่เหมือนคณะมนุษยศาสตร์ที่ตัดเกรดแบบอิงเกณฑ์ คือ ถ้าเกณฑ์บอกว่าต้องได้คะแนนมากกว่า 80 เต็ม 100 ถึงจะได้เกรด A น้องๆ ก็ต้องทำคะแนนให้เกิน 80 ถ้าในห้องไม่มีใครได้ถึง 80 เลยก็จะไม่มีคนได้ A เวลาเรียนคณะวิทย์ก็จะลุ้นนิดนึงว่าเราจะได้เกรดอะไร เพราะเหมือนเป็นการแข่งกับเพื่อน แต่ตอนเรียนคณะมนุษย์เป็นการแข่งกับตัวเองมากกว่าว่าคะแนนเราอยู่ในเกณฑ์ของเกรดอะไรคณะมนุษยศาสตร์จบไปทำอะไรได้บ้าง? ส่วนมาก็จะเป็นล่าม นักแปลการ์ตูน นักแปลนิยาย เป็นต้น หรือบางคนก็อาจจะเรียนต่อแล้วมาเป็นอาจารย์สอนภาษาก็ได้ค่ะ คณะวิทยาศาสตร์ VS คณะมนุษยศาสตร์ ถ้าถามว่าระหว่าง คณะวิทยาศาสตร์ VS คณะมนุษยศาสตร์ คณะไหนดีกว่ากัน อันนี้ต้องแล้วแต่ว่าน้องๆ ชอบทางด้านไหนค่ะ ถ้าชอบคำนวณ ชอบทำแลป เลือกคณะวิทย์จะเหมาะกว่า แต่ถ้าชอบด้านภาษา ก็เลือกคณะมนุษย์ แนะนำนิดนึงว่าให้ลองเสิร์ชหลักสูตรของคณะและมหาวิทยาลัยที่อยากเข้ามาดูก่อนก็ได้ค่ะ ว่าแต่ละคณะเรียนวิชาอะไรบ้าง จะได้พอรู้เป็นแนวทางคร่าวๆ ว่าพอเข้าไปแล้วต้องเจอวิชาไหนบ้าง หรืออาจจะลองถามจากรุ่นพี่ที่เรียนในคณะนั้นก็จะดีที่สุดค่ะสุดท้ายนี้ แต่ละคณะมีข้อดีข้อเสียเป็นของตัวเอง มีความยากง่ายเป็นของตัวเอง ไม่มีคณะไหนที่เรียนแล้วสบาย ไม่มีคณะไหนที่เรียนแล้วง่ายไปทั้งหมดหรือยากทั้งหมด ต่อให้เรียนคณะที่ใช่ มหาลัยที่ชอบ เราก็ยังต้องเจอวิชาที่เกลียดอยู่ดีค่ะ และ "ไม่มีคณะไหนดีกว่ากัน" มีแต่ "คณะที่ถนัดกว่า" และ "คณะที่ชอบมากกว่า" เพราะคนเราถนัดไม่เหมือนกัน ชอบไม่เหมือนกัน ดังนั้นก็หวังว่าน้องๆ ทุกคนจะได้เรียนในคณะที่ชอบและถนัดนะคะ ♥ ผลงานอื่นๆ จากผู้เขียน✦ "โคลสลอว์" เด็กหอก็ทำได้✦ แนะนำ 3 พจนานุกรมเกาหลีออนไลน์และวิธีหาศัพท์ #ฉบับเด็กเอกเกาหลี✦ รีวิวแบบจำลองความตาย จากโปรเจค “Deadline Always Exists”✦ มัดรวมมาให้แล้ว! 4 โปรเจคที่จะพาคุณไปทดสอบเสียงหัวใจตัวเองจาก Deadline Always Exists✦ สายมูห้ามพลาด! รีวิวเครื่องรางที่พกเข้าห้องสอบ วิธีเสริมดวงในการสอบ ใช้แล้วสอบผ่านฉลุย ภาพประกอบ โดย ผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !