รีเซต

โกงงบหลวง 40 ล้าน สอบนาน 40 วันไร้ข้อสรุป ตร.มึนธนาคารส่งสำเนาเช็คให้ตรวจสอบลายมือชื่อปลอม

โกงงบหลวง 40 ล้าน สอบนาน 40 วันไร้ข้อสรุป ตร.มึนธนาคารส่งสำเนาเช็คให้ตรวจสอบลายมือชื่อปลอม
มติชน
8 สิงหาคม 2563 ( 09:37 )
109

  จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บุตรสาว อดีตกำนัน ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ และใช้เอกสารปลอม เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 หลังจากนำเงินงบประมาณของทางราชการกว่า 40 ล้านบาท จากการโอนเงินผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเลคทรอนิคส์ หรือ GFMIS โอนเข้าบัญชีส่วนตัว และ พบการกระทำความผิดในการทำข้อมูลหลักฐานเท็จจากการปลอมเช็คและการเบิกจ่ายผ่านระบบออนไลน์รวม 165 ครั้ง

 

    วันที่ 8 สิงหาคม 2563 พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธร (ผบก.ภ.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้การทำคดีมียอมรับว่าปัญหาในทางปฏิบัติพอสมควร แต่เจ้าหน้าที่ได้พยายามเร่งรัดทำหนังสือถึงสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอตรวจสอบการใช้เช็ค78 ฉบับ เพื่อใช้เบิกจ่ายงบประมาณ เพราะต้องการพิสูจน์ลายมือชื่อในเช็คว่ามีการปลอมแปลงเอกสารจริงหรือไม่ แต่สถาบันการเงินมอบให้เพียงเช็คที่มีการถ่ายสำเนา โดยไม่ยินยอมนำต้นขั้วเช็คตัวจริงมามอบให้ เพื่อนำไปทำการพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้มีอำนาจลงนาม ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ โดยอ้างระเบียบวิธีปฏิบัติของหน่วยงาน ซึ่งคาดว่าสถาบันการเงินเกรงว่าจะมีปัญหาในภายหลัง หากพบว่าเช็คบางฉบับมีการใช้ลายมือชื่อปลอม

 

     “หลังจากข้าราชการบางรายยืนว่า ผู้ต้องหามีการปลอมลายมือชื่อเพื่อนำไปเบิกจ่าย เรื่องนี้ต้องได้ข้อยุติโดยเร็ว เนื่องจากพนักงานสอบสวนจะต้องสรุปสำนวนส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 รายถึงพนักงานอัยการศาลคดีทุจริตภาค 7 ให้เสร็จภายในระยะเวลาการฝากขัง น.ส.ขนิษฐาในผัดที่ 7 ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังที่เรือนจำกลาง จ.สมุทรสงคราม พร้อมกับมารดาคือนางสายพิณ ดิบดีคุ้ม หลังจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ไม่อนุญาตให้ประกันตัว”  พล.ต.ต.สุรศักดิ์ กล่าว

 

 

พล.ต.ต.สุรศักดิ์ กล่าวว่า คดีนี้ไม่มีการออกหมายจับผู้ใดเพิ่ม แนวทางการสอบสวนที่ผ่านมามีนางประชิต วงศ์ประภารัตน์ นักวิชาการการเงินและบัญชี ชำนาญการ สำนักงานจังหวัดเพียงรายเดียว ที่รับทราบข้อกล่าวหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

 

ด้านจ่าเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านการทุจริต จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จากการติดตามผลการสอบสวน หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในระดับจังหวัด มีปลัดจังหวัดทำหน้าที่ประธานสอบสวนความผิดทางวินัย และทางละเมิดกับเจ้าหน้าที่สำนักงานจังหวัด มีเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทยในจังหวัด สอบสวนกันเอง ล่าสุดได้รับแจ้งว่าจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จ หลังจากตนได้ร่วมกับตัวแทนสื่อมวลชน ใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ยื่นผ่านศูนย์ดำรงธรรม เพื่อขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเปิดเผยผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของกรรมการทุกชุด เนื่องจากบิดาของผู้ต้องหามีความใกล้ชิดกับอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์รายหนึ่ง ปัจจุบันยังทำธุรกิจการค้าชายแดนร่วมกันที่ด่านสิงขร

 

มีรายงานว่า กลุ่มสื่อมวลชนทุกแขนงในจังหวัด ได้นัดหมายเพื่อรวมตัวแถลงข่าวที่สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเปิดเผย ผลการสอบสวนหรือสาเหตุที่มีการสอบสวนล่าช้าพร้อมไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก เนื่องจากการสอบสวนไม่มีความซับซ้อน หรือ ต้องใช้เทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบการโอนเงินผ่านระบบออนไลน์ เนื่องจากผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ากระทำการทุจริต หลังจากมีการใช้รหัสผ่านในระบบและสมาร์ทการ์ดของผู้มีอำนาจเบิกจ่ายครบทุกขั้นตอน