ผมขอสารภาพก่อนเลยว่า... ตลอด 60 ชั่วโมงที่ผ่านมาเนี่ย ผมไม่ได้ "เล่น" เกมที่ชื่อว่า Hollow Knight Silksong เลยสักนิด ไม่... สิ่งที่ผมทำมันคือการทำสงครามประสาทกับตัวเอง คือการนั่งหัวร้อนจนแทบจะขว้างจอยทิ้ง คือการสบถประมาทคำบ่นใส่หน้าจอทีวีแบบไม่มีเสียง คือการถอนหายใจยาวๆ แล้วถามตัวเองซ้ำๆ ว่า "ฉันมาทำอะไรตรงนี้วะ?" เวลาส่วนใหญ่ของผมไม่ได้หมดไปกับการสู้บอส แต่หมดไปกับการ "เดินกลับ" ไปสู้บอสหลังจากที่เพิ่งตายไปตะกี้นี้เอง Silksong มันไม่ใช่เกมครับเพื่อนๆ... แต่มันคือ "กระจก" บานหนึ่ง กระจกที่ไม่ได้ส่องให้เห็นภาพของฮีโร่ผู้กล้าหาญ แต่ส่องให้เห็นความใจร้อน หัวร้อน และความ "กาก" ของตัวเราเองนี่แหละ เกมเพลย์ที่แสนปวดตับ ถ้าจะชมกันก่อน... การบังคับตัวละคร "ฮอร์เน็ต" นี่มันคือที่สุดของความพริ้วไหวครับ การเคลื่อนไหวของเธอมันสวยงาม รวดเร็ว และเฉียบคมเหมือนนักกายกรรมผสมนักฆ่า การต่อสู้มันคือการเต้นระบำบนคมมีดของจริง คุณจะรู้สึกเท่มากตอนที่หลบการโจมตีแล้วพุ่งสวนกลับเข้าไปเสียบศัตรูได้... มันเป็นความรู้สึกที่โคตรจะฟิน... แต่ความฟินนั้นอยู่กับเราไม่นานหรอกครับ เพราะคุณจะได้ตายบ่อยกว่าได้ฟินแน่นอน ฮอร์เน็ตเปราะบางมากครับ โดนตบไม่กี่ทีก็ร่วงแล้ว และศัตรูในเกมนี้ก็ฉลาดเป็นกรด เหมือนมันอ่านใจเราได้เลยว่าเราจะหลบไปทางไหน แล้วมันก็จะดักทางเราถูกตลอด สัญชาตญาณแรกของเรามักจะเป็นหนทางสู่ความตายเสมอ แต่หัวใจของความ "ปวดตับ" ทั้งหมดใน Silksong มันคือระบบที่ฝรั่งเรียกว่า "Runback" หรือที่ผมขอเรียกมันตามความรู้สึกเลยว่า "การเดินกลับไปตายซ้ำซาก" คือในเกมดีๆ ทั่วไป เวลาเราตายที่ห้องบอส เกมก็จะใจดีให้เราเริ่มใหม่หน้าห้องบอสเลยใช่ไหมครับ? แต่ Silksong ไม่ใช่! ทีมงาน Team Cherry โยนตำราการออกแบบเกมดีๆ ทิ้งถังขยะไปหมดแล้ว ที่นี่... เมื่อคุณตาย คุณจะถูกส่งกลับไปจุดเซฟล่าสุดที่อาจจะอยู่ไกลออกไปหลายโคก และคุณต้องเดินฝ่าดงศัตรูและกับดักเดิมๆ ที่คุณเพิ่งผ่านมาตะกี้ กลับไปที่ห้องบอสอีกครั้ง... ทุกครั้งที่ตาย! บางทีไอ้ทางเดินกลับเนี่ย มันยากกว่าตัวบอสอีกนะ! มันคือความรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าซ้ำๆ คือการตะโกนใส่หน้าเราแบบไร้เสียงว่า "อ่อนแอก็แพ้ไป! ถ้าแค่นี้ยังผ่านมาไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปสู้มันหรอกนะบอส!" เนื้อเรื่องในเกม ตอนแรกที่ผมเล่น ผมก็แอบขำนะ... ขำพวกแมลงในเกมที่ดูงมงาย ทำงานหนักแทบตายเพื่อหวังจะได้ขึ้นสวรรค์บนยอดเขาที่เรียกว่า "ซิทาเดล" แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองเป็นแค่ฟันเฟืองเล็กๆ ที่ถูกระบบหลอกใช้ แต่พอเล่นไปสักพัก... ผมก็ขำไม่ออก เพราะไอ้คนที่โง่ที่สุดในเรื่องน่ะ... มันคือผมนี่เอง! ผมนี่แหละที่กำลังทำตัวเหมือนพวกนักแสวงบุญโง่ๆ ในเกม ผมกำลังทนทุกข์กับการตายซ้ำซาก เดินกลับไปตายซ้ำซาก เพียงเพื่อหวังว่า "รางวัล" ที่รออยู่ปลายทางมันจะคุ้มค่า แต่ส่วนใหญ่แล้วรางวัลที่ได้คืออะไรน่ะเหรอครับ? บทกวีสั้นๆ หนึ่งบท... หรือของกระจอกๆ ไม่กี่ชิ้น... เกมมันกำลังหัวเราะเยาะผมอยู่ชัดๆ การเดินทางซ้ำซากนี่แหละที่กลายเป็นกระจกบานนั้น มันไม่ได้ทดสอบฝีมือเราครับ แต่มันกำลัง "เอ็กซเรย์" สันดานดิบของเราออกมาให้เห็นกันจะๆ ผมเห็นเลยว่าตัวเอง "ใจร้อน" แค่ไหนที่พยายามจะรีบๆ ไปให้ถึงจนพลาดท่าโง่ๆ ผมเห็นความ "โลภ" ของตัวเองที่พยายามจะขอตีบอสอีกสักทีทั้งๆ ที่ควรจะถอย ผมเห็นความ "ขี้ขลาด" ที่ทำให้ผมตกใจแล้วกดมั่วซั่ว และที่สำคัญที่สุด... ผมเห็นความ "ดักดาน" ของตัวเองที่ทำอะไรโง่ๆ ซ้ำๆ แต่ดันหวังว่าผลลัพธ์มันจะเปลี่ยนไป! Silksong มันไม่ได้กำลังทดสอบฝีมือการเล่นเกมของผมครับ แต่มันกำลัง "ลอกคราบ" ผมออกมาให้เห็นตัวตนข้างในกันแบบจะๆ เลย กราฟฟิคอันสวยงาม แล้วคำถามคือ... ถ้าเกมมันจะทรมานบันเทิงกันขนาดนี้ แล้วผมทนเล่นต่อไปเพื่ออะไร? คำตอบมันง่ายมากครับ... เพราะท่ามกลางความปวดตับทั้งหมดนี้ Silksong คือหนึ่งในเกมที่ "สวยจนต้องด่า" เท่าที่ผมเคยเห็นมา ทุกฉากทุกตอนในเกมนี้มันคืองานศิลปะที่วาดด้วยมืออย่างโคตรจะปราณีต บรรยากาศของมันดีจนเหลือเชื่อ ทั้งป่าที่ดูเศร้าๆ เมืองใต้ดินที่ดูยิ่งใหญ่แต่ล่มสลาย หรือสุสานที่เต็มไปด้วยสายฝนและหมอก... มันสวยจนทำให้เรายอมให้อภัยความโหดร้ายของมันได้ชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว ความสวยงามนี่แหละครับที่มันคอยปลอบใจเรา มันคือเหตุผลที่ทำให้เรายังอยากจะสำรวจต่อไป แม้จะรู้ว่าข้างหน้าอาจจะมีดงตีนหรือบอสโหดๆ รอเราอยู่ก็ตาม มันเหมือนยาแก้ปวดที่ทำให้เรามีแรงลุกขึ้นไป "เดินกลับไปตายซ้ำซาก" ได้อีกครั้ง บทส่งท้าย ถ้าเราจะเอาไม้บรรทัดของ "เกมดีๆ" ในยุคนี้มาวัด Silksong อาจจะสอบตกแบบไม่เหลือซากเลยครับ มันไม่เป็นมิตรกับผู้เล่น มันจงใจทำให้เราหงุดหงิดและมันไม่สนใจสิ่งที่เกมเมอร์สมัยนี้เรียกร้องอย่างฟีเจอร์อำนวยความสะดวกเลยแม้แต่น้อย แต่นั่นแหละครับคือประเด็น! ทีมงาน Team Cherry ไม่ได้อยากจะทำ "อาหารจานด่วน" ที่กินง่ายย่อยง่าย พวกเขามีจุดยืนที่ชัดเจนและกล้าพอที่จะท้าทายความคาดหวังทุกอย่างของเรา "จิตวิญญาณ" ของ Silksong ไม่ใช่การเอาใจผู้เล่น แต่คือการเป็น "ครูฝึกสุดโหด" ที่จะโบยตีเราซ้ำๆ จนกว่าเราจะได้บทเรียนที่แท้จริง และบทเรียนนั้นก็คือ... ศัตรูตัวฉกาจที่สุดในเกมนี้ ไม่ใช่บอสหน้าไหนทั้งนั้น แต่มันคือ "ขีดจำกัด" ที่อยู่ในใจเราเอง ไอ้ทางเดินกลับไปตายซ้ำซากที่เคยโคตรน่าหงุดหงิด... สุดท้ายมันกลายเป็นเรื่องกล้วยๆ ที่เราผ่านไปได้แบบหลับตาข้างหนึ่ง สิ่งที่เราเคยสบถคำบ่นมันกลับกลายเป็นสิ่งที่เราเอาชนะได้ และเมื่อคุณผ่านมันไปได้ ความรู้สึกที่ได้มันไม่ใช่แค่ตัวละครในเกมเก่งขึ้น แต่มันคือความรู้สึกว่า "ตัวเราเอง" นี่แหละที่เก่งขึ้นและก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปแล้ว Silksong คือการเดินทางเข้าถ้ำเพื่อฝึกวิชาที่เจ็บปวดที่สุด แต่ก็ทำให้เราตาสว่างที่สุดเช่นกัน มันจะทำให้คุณหัวร้อน ทำให้คุณท้อ และอาจจะทำให้คุณอยากเลิกเล่นไปเลย แต่ถ้าคุณทนมันได้... คุณจะได้พบกับความจริงข้อหนึ่งที่ไม่มีใครพรากไปจากคุณได้ “คุณเก่งกว่าที่คุณคิดไว้เสมอ” ดังนั้นผมขอสรุปสั้นๆ ว่า เกมดีเล่นกันเถอะครับทุกคน ถึงจะหัวร้อนแต่ก็รักนะ เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !