ขอบคุณภาพหน้าปกจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/3944752/ เกือบ จะเป็นโรคซึมเศร้าขอบคุณภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/568027/สวัสดีค่ะ วันนี้ผู้เขียนจะมาเล่าประสบการณ์ที่เกือบจะเป็นโรคซึมเศร้า ในวัยมัธยม และก็มีเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการทำให้เราผ่านพ้นจากโรคซึมเศร้าชนิดนี้ และไม่ถูกเพื่อน ๆ มองเราแบบอึดอัดใจ ไปดูกันว่าเราจะจัดการกับมันยังไง เพื่อไม่ให้มันมาทำลายชีวิตของเราอีกต่อไป ไปอ่านย่อหน้าถัดไปกันเลย ก่อนอื่นผู้เขียนจะเล่าก่อนว่า สมัยมัธยมเราเป็นเด็กที่ไม่กล้าแสดงออกอะไรเลย เป็นเด็กที่เงียบมาก ไม่พูดไม่จา ถ้าไม่มีคนพูดด้วย จนเพื่อน ๆ ในห้องอึดอัด เวลามีงานกลุ่มก็มีแต่คนมองข้ามเราไป เพราะว่าเราไม่ใช่ตัวเด่น ถ้าไม่มีกลุ่มจริง ๆ ก็ต้องไปอยู่กับกลุ่มผู้ชายเขา บอกเลยค่ะว่าตอนนั้นเจ็บปวดใจและอึดอัดอยู่พอสมควรเลย จนเกือบจะเป็นโรคซึมเศร้าเลยทีเดียว เพราะเราต้องเจออะไรแบบนี้อยู่ทุกวัน ระบายกับใครก็ไม่ได้ ได้แต่ปิดตัวเอง ในใจเราก็อยากมีเพื่อนแต่เพื่อนทำกับเราเหมือนกับว่าเราไม่มีตัวตนอะไรเลย แล้วผลที่ตามมาคือผลการเรียนตกมากเป็นสิ่งที่ทุกข์ใจมาก ๆ ในตอนนั้นเลยค่ะขอบคุณภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/247314/มันหนักมาก สำหรับเด็กที่ต้องเจออะไรแบบนี้คนเดียวในโรงเรียน อยู่บ้านจะเป็นคนที่ร่าเริงมาก ๆ เพราะครอบครัวจะเป็นกันเองมากค่ะ เลยกลายเป็นแรงผลักดันให้เราไปโรงเรียนต่อได้เพื่อเขา เพราะเราคือความหวังของเขา แต่กลับกันพอมาถึงหน้าโรงเรียนเรากลับรู้สึกหดหู่ ไม่ใช่ว่าไม่อยากมาเรียนนะคะ แต่เพราะเราจะต้องทำตัวยังไงเวลาเจอเพื่อน ๆ ในห้อง และเพื่อนคนไหนที่ดูเป็นมิตรเราจะทักเขาว่ายังไงดี มันเป็นคำถามอยู่ในหัวตลอดระยะเวลาในการไปโรงเรียนทุกวันเลยค่ะ กินข้าวเที่ยงก็ไม่เคยได้นั่งกินกับเพื่อนเป็นกลุ่ม พอเราขอนั่งกินด้วยเหมือนเราเป็นส่วนเกินในกลุ่มเขา จนวันหนึ่งทนไม่ไหวต้องห่อข้าวไปนั่งกินเอง หรือเข้าไปในมินิมารท์ ไปซื้อนมและขนมปัง 2-3 อย่าง เอาไปกินบนห้องที่จะต้องเรียนวิชาภาคบ่ายขอบคุณภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/568021/จนเริ่มคิดในใจแล้วว่าเราจะเป็นแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้ เราต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อน ๆ บ้าง หัดเริ่มคุยหรือชวนเพื่อนเขาคุยบ้าง พยายามมีส่วนร่วมเวลาเพื่อนเขาทำกิจกรรม จนความร่าเริงก็กลับมา เหมือนเราได้ชีวิตใหม่เลยค่ะ เพื่อน ๆ ก็ชวนเราเข้ากลุ่มด้วย ต้องขอบคุณ เพื่อน ๆ กลุ่มตอน ม.6 มาก ๆ ค่ะ ที่ช่วยดึงเราขึ้นมาก จนการเรียนเราดีขึ้นมามาก เรียนมาตั้ง 6 ปี มีความสุขจริง ๆ แค่ 2 เทอม ฮ่า ๆ ใครไม่เจอกับตัวจะไม่รู้จริง ๆ เลยค่ะว่ามันทรมานเอามาก ๆ เลยขอบคุณภาพจาก https://www.pexels.com/th-th/photo/1510149/เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้เรามีวิธีการจัดการกับตัวเองยังไง?1.เริ่มทักทาย การทักทายคนอื่นก่อนเป็นการแสดงความเป็นมิตร เมื่อคนอื่นเห็นว่าเราเป็นมิตรเขาจะมาคุยกับเราเอง2.ยิ้มให้มาก ๆ เจอเรื่องอะไรยังไงก็ยิ้มไว้ก่อน3.หันหน้าเข้าหาเพื่อน สิ่งนี้สำคัญมาก เพราะถ้าเรายังเลือกที่จะเงียบ แล้วไม่รู้จะอธิบายปัญหาเหล่านี้ให้ใครฟัง อาจทำให้เราอึดอัดแล้วเกิดอาการเครียดได้ ดังนั้นหันหน้าเข้าหาเพื่อนพยายามอธิบายสิ่งที่ตัวเองเผชิญ บางทีเราอาจได้เพื่อนที่เข้าใจเราสักคนก็ได้สุดท้ายนี้อยากฝากถึงคนที่เจอเพื่อนในลักษณะนี้นะคะ ว่าเราต้องรีบดึงเพื่อนมาอยู่กับเราให้มาก ๆ อย่าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่สนิทกัน แต่ถ้าลองเปิดใจให้เขา เขาก็จะเปิดใจให้เราเหมือนกัน เหมือนตัวผู้เขียนอยากจะพูดด้วยแต่เป็นคนที่เงียบ ๆ ขี้อาย ก็เลยต้องมาทุกข์ใจแบบนี้ แต่ตอนนี้ปกติดีค่ะ ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าแถมยังมีความสุขกับชีวิต แล้วคนที่เป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออก เราต้องพัฒนาตัวเองค่ะ พยายามยิ้มให้เพื่อน ๆ ชวนเพื่อนคุยให้มาก ๆ เท่านี้เราก็ไม่ถูกมองว่าเป็นส่วนเกินแล้วค่ะ