เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index ยังแกว่งตัวบวกได้ต่อเนื่องในกรอบ 1,570-1,590 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายมากขึ้น หนุนเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง ตลาดเริ่มคลายกังวลประเด็นปัญหาธนาคารในสหรัฐฯและยุโรป หลังรมว.คลังสหรัฐฯ ออกมาให้ความเห็นว่าอาจมีมาตรการคุ้มครองเงินฝากเพิ่มหากจำเป็น ขณะที่ดีล UBS-CS ทำให้วิกฤตภาคการเงินในยุโรปคลายตัว ไฮไลท์สำคัญคืนนี้คือผลการประชุม FED ซึ่งจุดสำคัญนอกเหนือจากโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 4.75-5% ยังต้องติดตามถ้อยแถลงมุมมองเศรษฐกิจ เงินเฟ้อและทิศทางดอกเบี้ยจาก Dot Plot ส่วนปัจจัยในประเทศคาดว่ายังได้อานิสงส์จากการเริ่มหาเสียงเลือกตั้งซึ่งเป็นบวกต่อการบริโภคและเศรษฐกิจใน 2Q23 โดยรวมปัจจัยต่างประเทศยังมีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวชัดหรือเกิด Recession มากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยดูมีเสถียรภาพมากกว่า เรามองการปรับฐานของดัชนีเข้าใกล้แนวรับหลัก 1,520+- จุด ยังเป็นระดับที่น่าสนใจในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐาน ยังคงเน้นหุ้น Domestic/Reopening Play มากกว่า Global Play
กลยุทธ์ : ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงปรับฐาน ยังเน้นหุ้น Domestic Play
หุ้นเด่นเดือนมี.ค. : ASW, BEYOND, CPN, M, NSL
หุ้นเด่นวันนี้ : SHR
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท
• โมเมนตัมผลการดำเนินงานปี 2023 คาดยังดีต่อเนื่องหนุนจาก Rev Par ที่คาดปรับตัวขึ้นโดดเด่นในทุกๆ Destination ทั้งไทย UK มัลดีฟท์ ฟิจิ มอริเชียส ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า +15% y-y สอดคล้องกับประมาณการของเรา ขณะที่ EBITDA Margin คาดปรับตัวขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 25%
• ระยะสั้นกำไร 1Q23 คาดยังแข็งแรงจาก Rev Par ของไทยและมัลดีฟท์ที่ +88% และ +34% เทียบกับ 4Q22 ชดเชย UK และ Outrigger ที่หดตัวจากปัจจัยฤดูกาล ส่วนราคาก๊าซในยุโรปที่ปรับลงต่อเนื่องเป็นบวกต่อต้นทุนและกำลังพิจารณาล้อคราคาก่อนเข้าฤดูหนาวถัดไป
• แนวรับ 4.04-4 บาท แนวต้าน 4.28-4.30//4.60 บาท
**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ ปรับตัวขึ้น หลังจากตัวแปรลบในตลาดเริ่มคลี่คลาย และการเมืองไทยมีกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจนแล้ว ส่วนต่างประเทศ ยุโรปดูเหมือนความกังวลจะลดลง นักลงทุนรับรู้สถานการณ์มากขึ้น กอปรกับสัญญาณบ่งชี้ความกังวลอย่างทองคำปรับตัวลง
• การประชุม FOMC ในคืนนี้(22) ไม่มีอะไรน่ากังวล คาดการณ์ว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.25% แต่หากขึ้น 0.50% จะเป็นลบต่อตลาดหุ้น อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามแนวโน้มทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในครั้งต่อ ๆ ไปด้วย
• การหารือเพื่อสันติภาพในสงครามยูเครน ระหว่างจีน-รัสเซีย ยังไม่มีความคืบหน้าออกมา แต่คาดว่าจีน-รัสเซีย จะมีการทำสัญญาทางการค้าซึ่งเรามองเป็นบวก ต้องติดตามว่าสหรัฐฯ จะมีท่าทีอย่างไรต่อประเด็นนี้
• ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงก่อนหน้านี้มาจากผลกระทบวิกฤตธนาคาร ซึ่งหลังจากความกังวลลดลงคาดว่าราคาน้ำมันจะเริ่มปรับตัวขึ้น (ล่าสุด Brent $74.9 เหรียญ) ดีต่อ PTTEP, PTT และหุ้นโรงกลั่นน้ำมัน (TOP)
• การเมือง กกต.มีการกำหนดวันเลือกตั้งออกมาแล้ว คือ 14 พ.ค. เราคาดรัฐบาลชุดใหม่เริ่มทำงานในช่วง ส.ค. หลังจากนี้ยังคงต้องจับดูรายชื่อ ส.ส. ในพรรคต่าง ๆ ซึ่งอาจจะพอคาดการณ์ได้ว่าจะเกิด Landslide กับพรรคใหญ่หรือไม่
• ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ตัวเลขเงินเฟ้ออังกฤษ และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์สหรัฐฯ
Strategy
• ความกังวลต่อปัญหาธนาคารยุโรปลดลงอย่างต่อเนื่อง วันนี้ข่าวส่วนใหญ่ชี้ในทาง การลงทุนในช่วงนี้ แต่ยังเน้นเก็งกำไรช่วงสั้นๆ เพื่อรอดูผลประชุม FOMC คืนนี้ก่อน
• หุ้นที่ราคาลงมาลึก มีโอกาสดีดตัวกลับ หุ้นธนาคาร (KBANK, BBL, KTB) หรือ หุ้นลงลึกในกลุ่มอื่นๆ (PTTEP, FORTH, NEX)
• หุ้นที่อิงกับทิศทางเศรษฐกิจโลก เช่น ส่งออก รอดูความคืบหน้าที่เรื่องที่รัสเซีย-ยูเครน จะยุติสงครามกันหรือไม่
• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำ KBANK, PLANB, ASK* เข้ามาในพอร์ต หุ้นในพอร์ตประกอบไปด้วย KBANK(10%), PLANB(10%), ASK*(10%), BGRIM(10%), LEO(10%), SPALI(10%)
Strategy Stock Pick
PLANB: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 9.50 บาท) “สื่อนอกบ้านฟื้นต่อเนื่อง นับจาก มี.ค. U-Rate มีโอกาสทะลุ 60%”
•ตั้งเป้ารายได้ปี 2023 ที่ 7.2-7.5 พัน ลบ. โต 9-14%YoY ด้าน U-Rate ของอัตราการใช้สื่อโฆษณาฟื้นตัวต่อเนื่อง นับจากเดือน มี.ค. U-Rate มีโอกาสเกิน 60% เทียบกับช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2023 ที่ 55-56%
•อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวตาม U-Rate โดยประเมินปี 2023-2024 ที่ 29% และ 34% เทียบกับปี 2022 ที่ 27.5% ตามลำดับ Sentiment กลุ่มสื่อจะดีขึ้นอย่างชัดเจนใน 2H23E หลังการเลือกตั้ง เอกชนจะทยอยเพิ่มเม็ดเงินโฆษณา
•DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2023E-2024E ที่ 880 ลบ. และ 1.1 พัน ลบ. +25%YoY และ +26%YoY ตามลำดับ
Technical : FORTH, THCOM
ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,565 – 1,570 แนวต้าน 1,580 – 1,585 ระหว่างรอผลประชุมเฟด แนะนำซื้อเก็งกำไร CPALL,BJC,MAKRO,PLANB,TKS,STEC,SAWAD (+ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง) และกลุ่มปลอดภัย ADVANC,INTUCH,GULF
SAPPE* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 58.50 บาท) บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 66 ที่ระดัย +25%YoY จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศจะมาจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่และต่างประเทศจากการขยายช่องทางการจำหน่าย รวมถึงยังคงแผนในการขยายกำลังผลิตขึ้นอีก +30% ในต้นปี ขณะที่ระยะสั้นมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของการบริโภคและจำนวนนักท่องเที่ยว ประกอบกับ Seasonal ที่เข้าสู่หน้าร้อนใน 1H ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตดีขึ้นเป็นบวกต่อ GPM เบื้องต้นมองที่ระดับ 40% และมีโอกาสดีขึ้นจากแนวโน้มวัตถุดิบที่ลดลงใน 2H การขยายกำลังการผลิตขวดเองลดต้นทุนการซื้อขวดจากภายนอก และการบริหารคลังสินค้า ด้าน Valuation ตลาดประเมินกำไรปี 66 ที่ราว 772 ล้านบาท +18%YoY
BJC (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย 43.50 บาท) เบื้องต้นเราคาดว่าภาพ YoY ในช่วง 1Q66 จะเห็นการฟื้นตัว YoY ได้ต่อเนื่องจากการ Reopening อย่างเต็มที่ รวมถึงจีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาดโดยสาขา BigC ตามแหล่งท่องเที่ยวมีประมาณ 25 สาขาและมีสัดส่วนรายได้ PreCovid-19 คิดเป็นราว 19%ของธุรกิจค้าปลีกของ BJC ขณะเดียวกัน Traffic การเดินทางที่สูงขึ้นจะเป็นบวกต่อ mini BigC และความจำเป็นในการให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ผู้เช่าจะลดลงไปส่งผลบวกต่อมาร์จิ้น นอกจากนี้ใน 1Q66 ยังจะได้ประโยชน์จากมาตรการ ช้อปดีมีคืน ปี66 (1 ม.ค.- 15 ก.พ. 66) อีกด้วย ปัจจุบัน เราคาดว่าปี66 และ67 กำไรสุทธิของ BJC จะฟื้นตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ 6,012 ลบ.(+19.98%YoY) และ 6,618 ลบ.(+10.09%YoY) ตามลำดับ