รีเซต

เพื่อไทยมิตรตลาดทุน “ดร.นิเวศน์”ยังไม่รีบ

เพื่อไทยมิตรตลาดทุน “ดร.นิเวศน์”ยังไม่รีบ
ทันหุ้น
3 สิงหาคม 2566 ( 06:58 )
91

จับตาโหวตนายกฯ 4 ส.ค. “เพื่อไทย” มั่นใจได้ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ หลังแยกทางก้าวไกล ด้าน “ดร.นิเวศน์” นักลงทุนเน้นคุณค่า รับเพื่อไทยเป็นมิตรตลาดทุนมากกว่า แจกเงินดิจิทัลกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่เพิ่มต้นทุน แต่ยังไม่ชัวร์ขอรอดูหน้าตารัฐบาล โฟกัสรัฐมนตรีคลัง ด้านโบรกมองหุ้นรับนโยบายเพื่อไทย

 

นพ.ชลน่าน  ศรีแก้ว  หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แจ้งว่า พรรคเพื่อไทย ขอเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ไม่มีพรรคก้าวไกล เนื่องจากติดเงื่อนไขเรื่องการแก้ไข ม.112 ที่ทำให้การจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคไม่สำเร็จ โดยจะเจรจากับพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และเสนอชื่อนายเศรษฐา  ทวีสิน  เป็นนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่า การโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ ประสบความสำเร็จได้เกิน 375 เสียง และได้นายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย ส่วนแนวทางโหวตของพรรคก้าวไกล เป็นเอกสิทธิของ ส.ส. หรือ จะเป็นมติของพรรคก้าวไกล

 

@เพื่อไทยมิตรตลาดทุน

 

ดร.นิเวศน์  เหมวชิรวรากร นักลงทุนเน้นคุณค่า หรือ วีไอ เปิดเผยว่า การที่พรรคเพื่อไทยยกเลิกเอ็มโอยู 8 พรรค และจะจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกลนั้น ในเชิงของตลาดหุ้นจะมีบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้นบ้าง เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนกังวลนโยบายพรรคก้าวไกลที่ไม่สนับสนุนตลาดหุ้นจึงมีการขายออกไปบ้าง

 

โดยส่วนหนึ่งมองว่าเพื่อไทยมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นกับการจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็ต้องติดตามคะแนนเสียงที่ต้องพึ่งพา ส.ว. พอสมควร ซึ่งการที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะผ่าน ส.ว. ได้สำเร็จ ทำให้หุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเพื่อไทยจะได้ 100% ทำให้ยังมีแรงเทขายลงมา

 

"เพื่อไทยมาก็จะได้รัฐบาลที่น่าจะส่งเสริมตลาดหุ้นมากกว่า แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะสดใส ต้องรอดูนโยบายเศรษฐกิจ ส่วนหุ้นทุนใหญ่ที่ดีราคาไม่แพง ก็ไม่ได้ตกลงมากนัก ประคองตัวได้"

 

@กระตุ้นเศรษฐกิจต้นทุนไม่เพิ่ม

 

ทั้งนี้ต้องติดตามว่า เพื่อไทย จะสามารถทำให้เศรษฐกิจกลับไปเติบโต 5-7% ได้หรือไม่ ถ้าทำได้ก็นับเป็นการปรับเปลี่ยนศักราชใหม่ของเศรษฐกิจ ส่วนนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทใน 5 ปีนั้น มองว่า เริ่มต้นจะไม่ขึ้นมากเพราะเป็นไปตามเศรษฐกิจ แต่หากทำเศรษฐกิจโตได้ดีค่าแรง 600 บาท ก็จะไม่เป็นปัญหาในอีก 5 ปี

 

สำหรับนโยบายแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทนั้น มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งเดียว และไม่กระทบกับต้นทุนเอกชน ไม่เกิด เงินเฟ้อ ซึ่งจะเกิดผลดีกับธุรกิจ

 

@หุ้นไทยยังไม่ขึ้นจริงจัง

 

ทั้งนี้การเมืองไทยนับเป็นปัจจัยหนึ่งในการลงทุนเท่านั้น ยังไม่ได้มองว่าตลาดหุ้นไทยจะถึงเวลาขึ้นจริงจัง เพราะยังมีปัจจัยภายนอก อาทิ เศรษฐกิจต่างประเทศที่อาจจะชะลอตัวลง ทำให้การส่งออกของไทยยังไม่ค่อยดี ขณะที่การท่องเที่ยวจากจีนมาไทยยังไม่ได้สูงมาก

 

ซึ่งดอกเบี้ยนโยบายที่เพิ่มขึ้นเป็น 2.25% ก็จะเป็นตัวกระทบด้วย ส่วนหนึ่งเพราะ กนง. ไม่ต้องการให้ดอกเบี้ยไทยทิ้งห่างต่างประเทศมากเกินไป แต่เชื่อว่าเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะเงินเฟ้อก็ลดลงแล้ว ดังนั้นในการวางกลยุทธ์ยังคง รอ จนกว่าจะได้เห็นหน้าตารัฐบาล นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีคลัง ตลอดจนนโยบาย

 

@หุ้นรับนโยบายเพื่อไทย

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยมักจะตอบสนองเชิงบวกเวลาที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล สะท้อนจากสถิติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2544 – 2554หลังเลือกตั้ง 1 สัปดาห์พรรคเพื่อไทยได้เป็นนายกฯ หุ้นขยับขึ้นได้ดีเฉลี่ยเกิน 4%ซึ่งนักลงทุนมีความคาดหวังมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ หลังจากได้รัฐบาล

 

สำหรับนโยบายของพรรคเพื่อไทย อาทิ เติมเงินกระเป๋าดิจิทัลหมื่นบาท การบริหารจัดการน้ำไม่ท่วมไม่แล้ว สวัสดิการผู้สูงอายุ  ค่าแรง 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท การส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ในครัวเรือน จะช่วยกระตุ้นกลุ่มค้าปลีก เช่น CRC, CPALL, BJCไฟแนนซ์ MTC, SAWAD, THANI ธนาคารพาณิชย์ KBANK, BBL สื่อ PLANB, CBG และอาหาร SAPPE, OSP

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง