การตัดสินใจเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย นับเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของน้อง ๆ นักเรียนแทบทุกคน เพราะเป็นการกำหนดแนวทางการเรียนและการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยในช่วง 4-6 ปีข้างหน้า อีกทั้งยังเป็นการกำหนดแนวทางในการประกอบอาชีพและการดำเนินชีวิตหลังจากเรียนจบด้วยเช่นกันสำหรับน้อง ๆ ที่กำลังตัดสินใจเลือกเรียนต่อสาขาวิชาภาษาอังกฤษในระดับมหาวิทยาลัย หลายคนอาจจะกำลังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกเรียนในสาขาวิชานี้ว่า เรียนเกี่ยวกับอะไร เรียนยากไหม หรือเรียนจบแล้วทำงานอะไรได้บ้างในบทความนี้ ผู้เขียนจึงได้รวบรวม 20 ข้อควรรู้ก่อนเลือกเรียนสาขาวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นการเรียบเรียงข้อคิดที่ได้จากประสบการณ์ในการเรียนสาขาวิชานี้โดยตรง ไว้เพื่อจะได้ให้น้อง ๆ ได้ทำความเข้าใจและเตรียมความพร้อมกับการเรียนในสาขาวิชานี้มากขึ้นครับ1. การเรียนสาขาวิชาภาษาอังกฤษนั้นไม่ได้เรียนเฉพาะทักษะพื้นฐานอย่างการฟัง พูด อ่าน เขียน เพียงเท่านั้น แต่ยังได้เรียนเนื้อหาวิชาความรู้อื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ด้วย เช่น ภาษาศาสตร์ วรรณกรรม การแปล และการวิจัยในสาขาวิชาภาษาอังกฤษ2. การเรียนวิชาภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยไม่เหมือนกับการเรียนวิชาภาษาอังกฤษในโรงเรียน จริงอยู่ที่ว่าในปีแรกอาจจะมีบางวิชาที่เป็นวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ซึ่งถือเป็นการทบทวนความรู้ที่ได้เรียนมาในชั้นมัธยม แต่นอกเหนือจากวิชาที่ว่านี้แล้วก็จะเป็นวิชาเฉพาะทางและเรียนลึกกว่าวิชาที่เคยได้เรียนมาในชั้นมัธยม เช่น สัทศาสตร์ (Phonology) สัทวิทยา (Phonology) และวากยสัมพันธ์ (Syntax) เป็นต้น3. ทักษะไวยากรณ์และคำศัพท์จะเป็นเพียงทักษะพื้นฐานในการเรียนสาขาวิชานี้เท่านั้น และจะเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้การเรียนวิชาเฉพาะทางอื่น ๆ ได้ดีมากขึ้น เช่น การพูดในที่ชุมชน การเขียนเรียงความ การวิเคราะห์วิจารณ์วรรณกรรม เป็นต้น4. การเรียนภาษาอังกฤษในชั้นเรียนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้เราเก่งภาษาอังกฤษได้ แต่เราควรจะเรียนรู้ฝึกฝนทักษะต่าง ๆ เพิ่มเติมนอกชั้นเรียนจากสื่อต่าง ๆ ด้วย เช่น การชมภาพยนตร์ ฟังเพลง อ่านบทความ และสื่อสารกับผู้อื่นเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าเราอยากเก่งทักษะอะไร ก็ให้หมั่นฝึกฝนทักษะนั้น ๆ เพิ่มเติม5. การเรียนภาษาอังกฤษในชั้นเรียนนั้นเราอาจจะไม่ได้เรียนกับอาจารย์ฝรั่งเจ้าของภาษาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เราจะมีโอกาสได้เรียนกับอาจารย์ชาวไทยและอาจารย์ชาวต่างชาติทั้งที่เป็นเจ้าของภาษา และที่ไม่ได้เป็นเจ้าของภาษาโดยตรงด้วย ซึ่งนับว่าเป็นข้อดีในการเรียน เพราะไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ชาวไทยหรือต่างชาติก็ตามก็จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาที่ตัวเองสอน อีกทั้งยังทำให้เราคุ้ยเคยกับการพูดภาษาอังกฤษในสำเนียงต่าง ๆ ด้วย6. เราไม่จำเป็นต้องเก่งทุกทักษะที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เพราะทักษะนั้นมีมากมายหลายทักษะ เช่น ทักษะการสื่อสาร การวิเคราะห์ การวิจารณ์ การเขียนแสดงความคิดเห็น การพูดในที่ชุมชน ทั้งนี้ เราอาจจะเลือกให้ความสำคัญกับทักษะที่เราชอบหรือตรงกับความเป็นตัวตนของเรา แล้วเน้นพัฒนาทักษะนั้น ๆ ก็ได้7. เราไม่จำเป็นต้องรู้คำศัพท์ทุกคำในภาษาอังกฤษ เพราะคำศัพท์ในภาษาอังกฤษมีจำนวนหลักล้านคำ แต่ปัจจุบันมีการใช้เพียงหลักแสนคำ และคำที่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันมีเพียงหลักหมื่นคำเท่านั้น สิ่งสำคัญคือถ้าเราได้ใช้คำเหล่านั้นบ่อย ๆ เราก็จะจำได้เอง แต่ถ้าคำไหนเราไม่ค่อยได้ใช้ เราก็อาจจะลืมได้เหมือนกัน8. คนที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วเหมือนฝรั่งเจ้าของภาษานั้นไม่จำเป็นว่าจะต้องเรียนเก่งกว่าคนอื่น เพราะอย่างที่ได้กล่าวแล้วตอนต้นว่าการเรียนสาขาวิชาภาษาอังกฤษนั้นไม่ได้เรียนเฉพาะทักษะการสื่อสารอย่างการฟัง พูด อ่าน เขียน เพียงเท่านั้น แต่ยังได้เรียนวิชาเฉพาะทางอื่น ๆ ด้วย9. การเรียนในมหาวิทยาลัย ถ้าเราอยากทำเกรดให้ได้ดีเท่ากับตอนเรียนในโรงเรียน เราจะต้องใช้ความพยายามในการเรียนมากกว่าตอนเรียนในโรงเรียน เพราะรูปแบบการเรียน การเก็บคะแนน และการสอบในมหาวิทยาลัยมีหลากหลายรูปแบบ ไม่เหมือนกับในโรงเรียน อย่างเช่นการสอบข้อเขียน การส่งโปรเจ็กต์ การนำเสนอหน้าชั้นเรียน การเขียนเรียงความ หรือแม้แต่กระทั่งการแสดงละครเวที10. คนที่เรียนจบได้เกียรตินิยมไม่จำเป็นว่าต้องเก่งภาษาอังกฤษกว่าคนเก่งภาษาอังกฤษที่ไม่ได้เกียรตินิยมเสมอไป เพราะคนที่ได้เกียรตินิยมคือคนที่เก่งทักษะในการเรียนในชั้นเรียน ส่วนคนเก่งภาษาอังกฤษคือคนที่เก่งทักษะในการสื่อสาร11. การเรียนสาขาวิชาภาษาอังกฤษนั้นช่วยให้เราเก่งทักษะการพูดมากขึ้นได้ แต่ไม่ได้รับรองว่าเราจะพูดสำเนียงได้เหมือนฝรั่งเจ้าของภาษาได้เสมอไป เพราะภาษาอังกฤษนั้นมีมากมายหลายสำเนียง เช่น สำเนียงบริติช สำเนียงอเมริกัน สำเนียงออสเตรเลีย แตกต่างกันไปตามผู้พูด ดังนั้น ถ้าเราอยากพูดภาษาอังกฤษให้เหมือนสำเนียงไหน เราก็ควรจะมีสำเนียงต้นแบบ และหมั่นฝึกฝนการพูดด้วยตัวเอง12. การเรียนสาขาวิชาภาษาอังกฤษช่วยให้เราเก่งทักษะภาษาอังกฤษมากขึ้นและช่วยให้เราทำข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษอย่างเช่นข้อสอบ TOEIC, IELTS, TOEFL ได้คะแนนสูงกว่าคนทั่วไปที่ไม่ได้เรียนสาขาวิชานี้ เพราะเรามีความรู้ความชำนาญมากกว่าคนทั่วไป13. หลังจากเรียนจบสาขาวิชาภาษาอังกฤษ การทำงานไม่ได้จำกัดเฉพาะงานที่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเพียงเท่านั้น เช่น ไกด์ นักแปล ล่าม แอร์โฮสเตส แต่เนื่องจากเรามีทักษะในการสื่อสารทั้งในภาษาอังกฤษและภาษาไทยที่ดี เราจึงเลือกทำงานในสาขาไหนก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาได้ทั้งหมด14. ในการเรียนในสาขาวิชาใดก็ตามจะมีคนเรียนเก่งมากน้อยต่างกันไป ในสาขาวิชานี้ก็เช่นเดียวกัน ก็มีทั้งคนที่เรียนเก่งมาก ๆ อย่างเช่นเรียนได้เกรดเฉลี่ย 4.00 หรือได้เกรด A ทุกวิชา แล้วก็มีทั้งคนที่เรียนได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ว่าทุกคนก็สามารถเรียนได้หากมีความตั้งใจและความพยายามที่จะพัฒนาตนเอง15. การเรียนภาษาวิชาภาษาอังกฤษช่วยให้เรามีโอกาสได้สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น แต่ไม่ได้รับรองว่าจะช่วยให้เราเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เพราะในการเรียนในชั้นเรียนนั้น ถ้าเราไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ไม่กล้าสื่อสารกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนหรืออาจารย์เป็นภาษาอังกฤษ เราก็จะยังคงระดับความมั่นใจในตัวเองมากน้อยเท่าเดิม รูปภาพจาก Free-Photos / Pixabay16. ทักษะภาษาอังกฤษนั้นสามารถพัฒนากันได้ตลอดเวลา ในช่วงแรกของการเริ่มเรียน ทักษะของเราอาจจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อเราได้เรียนรู้ฝึกฝนทักษะมากขึ้น ทักษะของเราก็จะพัฒนาไปในระดับที่สูงขึ้นได้ ดังนั้น อย่าเพิ่งท้อใจหากรู้สึกว่าทักษะภาษาอังกฤษของเรายังไม่ดีเท่าที่ควรในช่วงเริ่มต้น17. การมี passion ในภาษาอังกฤษ หรือการมีความรักในภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับภาษาอังกฤษโดยตรง หรือเกี่ยวกับสังคม วัฒนธรรม หรือเจ้าของภาษาก็ตาม นับเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยให้เรามีความสุขกับการเรียน แม้ว่าวิชาเรียนจะยากแต่เราก็ยังสนุกไปกับการเรียนรู้ฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ 18. การเรียนจบสาขาวิชาภาษาอังกฤษ ไม่แน่เสมอไปว่าเราจะพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วทุกคน เพราะในชั้นเรียนบางคนอาจจะไม่กล้าสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ บางคนอาจจะคิดประโยคได้แต่ไม่กล้าพูดออกมา เลยทำให้ทักษะการพูดไม่คล่องเท่าคนอื่น แม้จะจบสาขานี้ก็ตาม19. วิชาเรียนแต่ละวิชามีความยากง่ายต่างกันไป บางวิชาที่เราถนัดหรือมีพื้นฐานอยู่แล้ว เราอาจจะรู้สึกว่าง่าย อย่างเช่นวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน แต่บางวิชาที่เราไม่เคยเรียนมาก่อนอย่างเช่นวรรณกรรมอังกฤษและอเมริกันที่ต้องอ่านกันเป็นเรื่อง ๆ เราอาจจะรู้สึกว่ายากก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความคุ้ยเคยของเรา ถ้าเราคลุกคลีกับวิชานั้นบ่อย ๆ อ่านหนังสือบ่อย ๆ ให้เวลากับมันมาก ๆ เราก็จะเข้าใจเรื่องนั้นได้ดีในที่สุด20. ในขณะที่เรากำลังเรียนในมหาวิทยาลัยอยู่นั้น เราอาจจะยังไม่เข้าใจว่าบางวิชาที่เรียนนั้นมีความสำคัญอย่างไร เรียนแล้วนำไปประยุกต์กับอะไรในอนาคตได้บ้าง อย่าลืมว่าในขณะที่เรากำลังเรียนนั้น เราอาจจะยังไม่เห็นภาพรวมทั้งหมดของวิชานั้น และเราเรียนวิชาเฉพาะทางในระดับลึกกว่าคนทั่วไป เราจะรู้ว่าวิชานั้นมีประโยชน์อย่างไรก็ต่อเมื่อเราเรียนจบแล้วและถึงเวลาต้องทำงาน ทักษะความรู้ที่ได้เรียนมาทั้งหมดนั้นเราก็จะสามารถหยิบมาประยุกต์ใช้ได้ตามสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เองโดยอัตโนมัติจากข้อควรรู้ 20 ข้อทั้งหมดนี้ เป็นการรวบรวมเรียบเรียงจากประสบการณ์ของผู้เขียนโดยตรง ไม่ได้เป็นกฎเกณฑ์หรือสูตรความสำเร็จในการเรียนแต่อย่างใด หวังว่าเนื้อหาทั้งหมดนี้จะช่วยให้น้อง ๆ นักเรียนมีความเข้าใจภาพรวมในการเรียนในสาขาวิชาภาษาอังกฤษมากขึ้น และมีส่วนช่วยในการตัดสินใจเลือกเรียนในสาขาวิชานี้ได้ไม่มากก็น้อยครับ ขอบคุณ free template จาก Canva : รูปปก / รูป 1 / รูป 3 / รูป 5 รูป 2 จาก David Mark / Pixabayรูป 4 จาก Free-Photos / Pixabayเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !