KBANK ทรีนีตี้มองสำรองหนี้อาจกดดันกำไรปีนี้ แม้สำรองรายใหญ่แล้ว
บล.ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์หุ้นธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK โดยได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลงเล็กน้อยราว 1.3% จากประมาณการก่อนหน้ามาอยู่ที่ 40,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อน โดยปรับเพิ่มประมาณการสำรองหนี้มาอยู่ที่ 200 bps จากเดิมคาดที่ 185 bps เนื่องจากผู้บริหารให้มุมมองว่าค่าใช้จ่ายสำรองหนี้จะยังอยู่ในระดับสูง แม้ว่าจะมีการตั้งสำรองส่วนเกิน เพื่อรองรับความเสี่ยงจากลูกหนี้รายใหญ่ไว้เกือบเต็มจำนวนแล้วก็ตาม โดยมองว่าสำรองหนี้ยังอาจกดดันกำไรปีนี้ แต่ในอีกด้านหนึ่งฝ่ายวิจัยได้มีการปรับเพิ่มประมาณการ NIM จากแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีที่อาจปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1/66 ได้
"ลูกหนี้รายใหญ่มีความเสี่ยงสูงขึ้น แม้ยังไม่เป็น NPL ซึ่งธนาคารได้ตั้งสำรองล่วงหน้าเกือบเต็ม เพื่อรองรับความเสี่ยงไปแล้วในสำรองส่วนเกิน...เราปรับลดราคาเป้าหมายปี 2566 ลงเล็กน้อยตามการปรับลดประมาณการกำไร โดยให้ราคาเป้าหมายหุ้น KBANK อยู่ที่ 167 บาท คงคำแนะนำซื้อ มองราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงมาได้สะท้อนปัจจัยลบจากลูกหนี้รายใหญ่ไปแล้ว เนื่องจากธนาคารได้ตั้งสำรองเผื่อไว้แล้ว ซึ่งจะไม่กระทบกำไรในอนาคต แต่ในภาพรวมแนวโน้มคุณภาพหนี้ยังไม่ดีเท่ากับกลุ่ม" ฝ่ายวิจัยทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์
ส่วนผลดำเนินงานไตรมาส 1/66 ของ KBANK ที่ประกาศมีกำไร 10,741 ล้านบาท ดีขึ้น 237% จากไตรมาสก่อน แต่อ่อนตัวลง 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งกำไรดังกล่าวต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้เล็กน้อยราว 2% โดยกำไรที่ฟื้นตัวแรงจากไตรมาสก่อน มาจากการตั้งสำรองค่อนข้างสูงในไตรมาส 4/65