คนพิการลำบากมากในยุคโควิด แต่สู้ไม่ถอย ปรับตัวเรียนรู้เทคโนโลยี พึ่งตนเองไม่เป็นภาระสังคม

กฤษณะ ละไล พิธีกรชื่อดัง  เล่าถึงผลกระทบในยุคโควิดว่า  โควิดทำให้ความเป็นอยู่และการทำงานของตนเป็นไปได้ลำบาก แต่พักหลังเริ่มปรับตัวได้ พร้อมเปลี่ยนมุมมองพลิกวิกฤตให้เป็นความสนุกใช้เวลาหันมาศึกษาการทำสื่อออนไลน์ โดยเริ่มจากทำรายการ“ กฤษณะ Live ” เป็นอีกช่องทางที่ได้พูดคุยกับกลุ่มคนพิการแลกเปลี่ยนปัญหาของแต่ละคนพร้อมตอบคำถามที่กลุ่มคนพิการสงสัย เช่น เรื่องเงินเยียวยา เป็นต้น

ทั้งนี้หากสถานการณ์โควิดยังไม่ดีขึ้น อยากจะขอเป็นกำลังให้กับทุกคน อย่าท้อ อย่าหมดหวัง อย่าหมดกำลังใจ ให้ทุกคนคิดเสมอว่าพรุ่งนี้จะต้องดีกว่าวันนี้ อย่ายอมแพ้กัดฟันสู้เพราะทั่วทั้งโลกกำลังประสบปัญหาเช่นเดียวกัน ดังนั้นเราควรมองคนที่แย่กว่าและสะท้องดูตัวเองอย่าท้อถอยถึงจะพิการก็ต้องสู้ ชีวิตจะมีคุณค่าได้ถ้าเราได้ต่อรู้จักการสู้ อย่างไรซะเมื่อผ่านวิกฤตได้เราทุกคนจะกลายเป็นบุคคลที่แข็งแกร่ง

ด้าน วิสุทธิ์ ศิวประภากร ประธานศูนย์บริการคนพิการไทยใจอาสา เปิดเผยว่า ส่วนตนเองนั้นทำงานด้านการรณรงค์ลดอุบัติทางท้องถนนต้องมีการออกนอกพื้นที่เป็นประจำ แต่เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิดทำให้งานทุกอย่างหยุดชะงักการทำงานปรับเปลี่ยนมาเป็นลักษณะ work from home หลีกเสี่ยงการออกนอกพื้นที่และงานด้านสื่อวิทยุที่ต้องจัดรายการเป็นประจำได้หันปรับมาเปลี่ยนเป็นรูปแบบการบันทึกเทปแทนการจัดงานรายการสด

ในเรื่องสุขภาพเองนั้นคนพิการถูกจัดเป็นบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสติดโรคโควิดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ดังนั้นจึงอยากแนะนำคนพิการทุกคนควรรู้จักดูแลสุขภาพตนเองเป็นพิเศษและที่สำคัญกลุ่มคนพิการนั่งวีลแชร์ต้องระมัดระวังความสะอาดเพราะกลุ่มคนเหล่านี้ต้องจับสัมผัสล้อวีลแชร์เป็นประจำทั้งนี้ต้องหมั่นล้างมือ ฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อเป็นประจำ นอกจากนี้สำหรับผู้ดูแลคนพิการที่ไม่สามารถเว้นระยะห่างกับผู้ป่วยได้ก็ควรหันมาดูแลสุขภาพและความสะอาดของตนเองสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่ออกจากบ้านเพื่อลดอัตราเสี่ยงระบาดของเชื้อโรค

นอกจากนี้สถานการณ์โควิด ยังส่งผลให้ตนเองมีเวลาว่างได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆรอบตัว มีเวลาศึกษาเทคโนโลยีและสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น  ทั้งนี้อยากประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มผู้พิการที่มีความประสงค์ต้องการหน้ากากอนามัย สามารถติดต่อขอรับหน้ากากอนามัยได้ ณ ศูนย์บริการคนพิการไทยใจอาสา  โดยทางศูนย์ขอสงวนสิทธิการแจกหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้าไว้ให้สำหรับกลุ่มผู้พิการเท่านั้น

ส่วน วิชัย สายมั่น ประธานสภาคนพิการทุกประเภทจ.อุบลราชธานี กล่าวถึงผลกระทบที่ตนได้รับว่า ส่วนตัวตนทำงานบริการประชาชนในโรงพยาบาลจึงทำให้ไม่สามารถหยุดและทำงานลักษณะ work from homeได้ อย่างไรก็ตามถึงจะทำงานในสถานที่เสี่ยงทางโรงพยาบาลก็มีมาตรการจัดการที่ดีมีการวัดอุณภูมิพนักงานและรณรงค์ให้สวมหน้ากากอนามัยทุกคน ส่วนในหน้าที่การทำงานที่ต้องลงพื้นที่เยี่ยมผู้ป่วยคนพิการนั้นหยุดชะงักก็ไม่สามารถออกเยี่ยมได้

ท้ายนี้ วิชัย สายมั่น ฝากประชาสัมพันธ์ว่า ในช่วงวิกฤตนี้พี่น้องประชาชนท่านไหนมีความประสงค์จะบริจาคข้าวสารหรืออาหารกล่อง ให้กับประชาชนที่เดือดร้อนสามารถติดต่อได้ ณ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นอกจากนี้อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้กับวิกฤตโควิดครั้งนี้ให้ได้และหากการช่วยเหลือจากภาครัฐยังเข้าไม่ถึงทุกคนก็อย่าคิดน้อยใจ เราควรหันมาสู้และช่วยเหลือพร้อมพึ่งพาตนเองให้ได้ด้วยสองมือสองเท้าที่มีอยู่

วิษณุพงศ์ สุนทรพาณิชย์ เรียบเรียง