การสอบ ก.พ. เป็นการสอบที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการเข้ารับราชการ ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่ผ่านการสอบนี้มาแล้ว และสามารถสอบผ่านได้ในครั้งแรกที่สอบ จึงนำประสบการณ์จากการเตรียมตัวสอบตลอดจนเทคนิคในการทำข้อสอบมาเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจมาประยุกต์ใช้ในการสอบ ก.พ.และการสอบแข่งขันอื่นๆก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับการสอบ ก.พ. การสอบ ก.พ. คือ การสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไปของผู้ที่จะเข้ารับราชการ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การสอบ ภาค ก. โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือที่รู้จักกันในชื่อ สำนักงาน ก.พ. ผู้ที่ประสงค์จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนจะต้องผ่าน ภาค ก. ของ ก.พ. ก่อนจึงจะมีสิทธิ์เข้าสอบ ภาค ข. และ ค. ของหน่วยงานต่างๆ ยกเว้นหน่วยงานที่ไม่ใช่ข้าราชการพลเรือน เช่น ข้าราชการครูฯ ก็จะมีการสอบ ภาค ก. เป็นของตัวเอง ซึ่งอนาคตก็มีแนวโน้มที่จะใช้ผลคะแนนภาค ก. ของ ก.พ. มาใช้ในการสมัครสอบได้ด้วย ไม่ว่านโยบายราชการจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ประสบผลสำเร็จในการสอบคือ การเตรียมตัว ผู้ที่มีความพร้อมมากกว่าย่อมประสบผลสำเร็จมากกว่าเสมอ ซึ่งผู้เขียนมีรายละเอียดการเตรียมตัวและการสอบ ก.พ. มาให้เป็นแนวทางดังนี้1.ศึกษาหลักสูตรการสอบ การศึกษาหลักสูตรการสอบถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้เราได้ทราบว่าเราจะต้องสอบเรื่องอะไรบ้าง มีคะแนนเท่าไหร่ เพื่อนำไปวางแผนการเตรียมสอบ และวางแผนการสอบต่อไป 2.ศึกษาเกณฑ์การสอบผ่าน เมื่อเราศึกษาหลักสูตรการสอบอย่างระเอียดในเนื้อหาที่สอบแล้ว ให้เรามาดูว่าในแต่ละวิชามีการสอบผ่านเท่าไหร่ ซึ่งจะนำไปสู่การวางแผนการอ่าน และแผนการสอบต่อไป3.วางแผนการอ่าน เมื่อเราศึกษาหลักสูตรการสอบและเกณฑ์การสอบผ่านแล้ว เราจึงมาวางแผนว่าจะเตรียมตัวสอบอย่างไร เช่น วันนี้จะอ่านวิชาอะไรบ้าง หรือจะอ่านทั้ง 3 วิชาในวันเดียว ทั้งนี้ให้เลือกตามความถนัดของผู้อ่าน ส่วนตัวของผู้เขียน จะเตรียมตัวให้แล้วเสร็จทีละวิชา โดยการอ่านแล้วสรุปย่อให้ได้น้อยที่สุด จนย่อเนื้อหาได้ไม่เกิน 2 หน้า เป็นหัวข้อสำคัญที่จะต้องทบทวน แต่ถ้าใครเป็นผู้ที่มีความสามารถด้านคณิตศาสตร์และภาษาไทยอยู่แล้ว ก็สามารถลดเวลาการอ่านวิชาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แล้วมาเพิ่มเวลาให้กับวิชาภาษาอังกฤษ และ กฎหมาย โดยให้ทำเป็นปฏิทินกำหนดการอ่าน และต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด4.อ่านหนังสือตามแผน หากเราต้องการความสำเร็จจะต้องทำตามแผนที่วางไว้ ให้เราพึงระลึกว่าความสามารถของคนเราไม่เท่ากัน หาวิธีการอ่านที่เราเข้าใจและจำได้ดีที่สุด เราอาจจะใช้เวลาในการจำเนื้อหา 20 นาที ส่วนเพื่อนอาจจะใช้เวลาแค่ 10 นาที วิธีแก้ไขคือเราก็เพิ่มเวลาการอ่านให้มากกว่าเพื่ออีก 1 เท่า ก็จะทำให้เรามีความรู้เท่าเพื่อนได้ ไม่ใช่จำไม่ได้แล้วท้อแท้ซึ่งมันคือหนทางของผู้สิ้นหวัง นอกจากการอ่านแล้ว ฝึกตั้งโจทย์จากเนื้อหา คาดการณ์ว่าหากเราเป็นกรรมการออกข้อสอบเราจะออกข้อสอบแบบไหน และฝึกทำข้อสอบเก่าซึ่งหาได้จากกลุ่มการสอบ หรือหนังสือต่างๆมากมาย และจับเวลาทำข้อสอบโดยการจำลองสถานการณ์จริง5.เลือกทำข้อง่าย เมื่อเราเตรียมความพร้อมแล้ว พอเข้าห้องสอบการบริหารเวลาถือเป็นสิ่งสำคัญมาก หลายคนมีความรู้และอ่านหนังสือมามากแต่สอบไม่ผ่านก็เพราะการบริหารเวลาในห้องสอบไม่เป็น ก่อนอื่นเราต้องเลือกทำข้อที่เราทำได้ก่อน ส่วนข้อที่ทำไม่ได้หรือไม่มั่นใจให้ข้ามไปก่อน จำกัดความข้อที่ทำได้คือเป็นข้อที่เราคิดว่าถูกโดยไม่ลังเลหรือเป็นข้อที่มีคำตอบชัดเจนโดยไม่ต้องวิเคราะห์ เช่น สำนักนายกรัฐมนตรีมีฐานะตามข้อใด คำตอบคือ กระทรวง ซึ่งเป็นคำตอบตรงโดยไม่ต้องวิเคราะห์ ปัญหาอีกอย่างคือเมื่อเราไปเจอวิชาคำนวณเกี่ยวกับคณิตศาสตร์มีหลายคนติดกับดังไปทำข้อคำนวณที่ดูเหมือนง่าย แต่ใช้เวลาไปกว่า 10 นาที ซึ่งแน่นอนแม่เราจะได้ 1 ข้อ แต่คงไม่คุ้มกับที่ต้องแรกกับ 10 นาทีที่เราเหลือไป ซึ่งเวลาอาจจะหมดก่อนที่เราจะพบข้อง่ายๆ ที่เหลือก็ได้6.ตัดตัวเลือก อีกวิธีการหนึ่งที่จะทำให้เราสามารถวิเคราะห์ว่าข้อนั้นง่ายหรือไม่นั้น คือการตัดตัวเลือก ธรรมชาติของข้อสอบแน่นอน จะต้องทำข้อที่ถูกไว้เพียง 1 ข้อ ดังนั้นเราจะต้องตัดข้อที่ไม่ถูกออกไปให้มากที่สุด ทั้งนี้การที่เราจะตัดข้อที่ไม่ถูกออกไปได้นั้นก็ต้องมาจากการเตรียมตัวที่มากกว่า หากเราเตรียมตัวดีก็จะส่งผลให้เรามีความรู้และตัดข้อที่ไม่ถูกออกได้มาก ในทางกลับกันหากเราไม่มีความรู้เลย ก็อาจจะมองว่าทุกข้อถูกต้องทั้งหมด ซึ่งยากมากที่จะสอบผ่าน7.เช็คข้อถูก เมื่อทำข้อสอบเสร็จแล้ว ผู้ที่ผ่านส่วนมากจะทราบเบื้องต้นแล้วว่าตนเองได้ประมาณเท่าไร และจะสามารถจำข้อสอบออกมาเพื่อมาตรวจสอบคำตอบได้ ซึ่งหากท่านเป็นหนึ่งคนที่ทำแบบนี้ แสดงว่าโอกาสผ่านของท่านมีมากกว่า 50 % แล้ว แต่หากท่านออกจากข้อสอบมายัง งงอยู่ว่าข้อสอบมีอะไรบ้าง ไม่รู้ว่าตอบข้อไหน แสดงว่าโอกาสสอบไม่ผ่านท่านมีมากกว่าที่จะสอบผ่าน คงต้องพึ่งพาโชคมากหน่อย การสอบ ก.พ. ยิ่งนานวันยิ่งเพิ่มความเข้มข้น โดยล่าสุดผลการสอบของปี 2564 มีผู้สอบผ่านเพียง 11,349 คน หรือคิดเป็น 1.58% จากผู้สมัครสอบทั้งสิ้น 719,805 คน ดังนั้นผู้เขียนจึงแนะนำผู้ที่จะเข้าสอบให้เน้นการเตรียมตัวสอบให้พร้อมและบริหารเวลาในการทำข้อสอบให้ดี หากสามารถทำ 2 สิ่งนี้ได้ การสอบผ่าน ก.พ. คงเป็นเรื่องไม่ยากอีกต่อไป ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Pixabayภาพปก โดย lil_foot_ จาก Pixabayภาพที่ 1 โดย F1 Digitals จาก Pixabayภาพที่ 2 โดยผู้เขียน แพรเซี่ยงไฮ้ภาพที่ 3 โดย Hermann Traub จาก Pixabayภาพที่ 4 โดย Dariusz Sankowski จาก Pixabay7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์