ปัญหา "การสมรสเพศเดียวกัน" ในแง่ของความต้องการให้มีผลทางกฏหมาย เป็นปัญหาที่มีมานานมากแล้ว และเป็นปัญหาที่เมื่อเกิดขึ้นกับใครก็เจ็บปวด เพราะมีทั้งเรื่องของการสูญเสีย การถูกเอาเปรียบ ขาดซึ่งความเป็นธรรมสำหรับชีวิตของผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อปัญหานี้ สถานการณ์นี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือเปล่า ล่าสุดภาครัฐได้รับฟังเสียงเรียกร้องนี้ ด้วยการออกแบบสอบถามการร่างพ.ร.บ.เกี่ยวกับเพศเดียวกัน ซึ่งกำลังเป็นกระแส #สมรสเท่าเทียม อยู่ในขณะนี้การใช้ชีวิตคู่มีพื้นฐานมาจากความรัก แต่เดิมความรักที่ได้รับการยอมรับกระทั่งมีผลในแง่กฎหมายคือ "ความรักระหว่างชายหญิง" หรือ "ความรักของคนต่างเพศ" กฏหมายรองรับตั้งแต่การหมั้น การแต่งงาน การหย่า เรียกว่าทุกขั้นตอนของการใช้ชีวิตคู่ สามารถใช้กฏหมายแก้ปัญหาได้ แต่สำหรับ "การสมรสเพศเดียวกัน" ไม่เคยได้รับการยอมรับในแง่ของกฏหมายเลย จะหมั้น จะแต่ง จะเลิกทำได้ทุกอย่าง แต่กลับไม่มีผลทางด้านกฏหมายเลย "ความรัก" เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวใจเรา ในหัวใจทุก ๆ คน และเมื่อเรามองใครสักคนที่ถูกเรียกว่า "เพศตรงข้าม" ในฐานะคนที่เรารัก คนที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วย และเรากับใครคนนั้นมีใจตรงกัน พร้อมที่จะสร้างชีวิตครอบครัวไปด้วยกัน เรื่องของกฏหมายก็จะเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หากใครคนนั้นเป็น "เพศเดียวกัน" ก็จะเหมือนเพื่อนที่อยู่ด้วยกัน โดยไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น แม้ว่าสถานะของความสัมพันธ์นั้นคือ "สามี-ภรรยา" ไม่ได้ต่างกับ "เพศตรงข้าม" ที่อยู่ด้วยกัน มีหลาย ๆ กรณีที่ได้เห็นอยู่บ่อย ๆ แต่ที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาให้เกิดเป็นความยุติธรรม เกิดเป็นความถูกต้องได้ และปัญหาก็ตามมา"คู่รักเพศเดียวกัน" ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ทั้งคู่อยู่ด้วยกันด้วยความรัก ความเข้าใจ และสร้างครอบครัวด้วยการซื้อบ้านโดยใช้ชื่อของคนใดคนหนึ่ง แล้วช่วยกันทำมาหากิน ช่วยกันผ่อน กระทั่งผ่อนบ้านหมดด้วยความรู้สึกว่าเราทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่เส้นทางความรักไม่ได้สวยงามอย่างที่ฝัน เมื่อฝ่ายที่มีชื่อเป็นเจ้าของบ้านเสียชีวิตกระทันหัน บ้านหลังนั้นตกเป็นของครอบครัวคนที่ตายไปแล้วทันที เพราะโดยกฏหมายคนที่เป็น "คู่ชีวิต" แม้จะมีชีวิตอยู่ แม้จะมองว่าบ้านหลังนั้นคือน้ำพักน้ำแรงของตนเองด้วย แต่เมื่อความเป็นจริงกับกฏหมายไม่ได้เดินไปตามทางเดียวกัน บ้านที่สร้างมาทั้งชีวิตก็หายไปพร้อมคนรักที่ตายจาก ...จะเรียกร้องอะไรได้ ?"คู่รักเพศเดียวกัน" สำหรับในประเทศไทย หากว่าครอบครัวไหนที่เปิดใจกว้าง ยอมรับถึงความสัมพันธ์นี้ได้ ก็ถือว่าเป็นคู่ที่โชคดี แต่ถ้าหากครอบครัวยอมรับไม่ได้ การใช้ชีวิตคู่ก็จะมีสถานะที่ปกปิดจากครอบครัว บางคนเลือกที่จะออกจากบ้าน เพื่อมาอยู่กับคนที่รัก มาอยู่ในสังคมที่ยอมรับตัวเองได้ แต่วันหนึ่งกลับเกิดอุบัติร้ายแรงที่จะต้องมีคนในครอบครัวต้องเซ็นเอกสารสำคัญ เพื่อใช้ทางการแพทย์ ส่วนคนที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมาตลอดกลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย พี่น้องก็ไม่ใช่ ญาติก็ไม่ใช่ การช่วยชีวิตของคนที่รักไว้อาจไม่ทันท่วงที...ทำได้แค่เสียใจเท่านั้นเองหรือ ?ขึ้นชื่อว่า "คู่ชีวิต" ไม่ว่าจะ "ต่างเพศ" หรือ "เพศเดียวกัน" ที่สุดแล้วเมื่อมีปัญหาในแง่กฏหมาย ต่างก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้เหมือน ๆ กัน ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกได้ตระหนักในเรื่องนี้ เริ่มต้นที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้เพื่อให้สิทธิของความเป็นมนุษย์ของทุกคนมีความเท่าเทียมกัน ในเอเซียประเทศ "ไต้หวัน" ได้ผ่านกฏหมาย "การสมรสเพศเดียวกัน" เป็นประเทศแรกแล้ว และประเทศไทยกำลังอยู่ในขั้นตอนทำ "แบบสอบถามการร่างพ.ร.บ.เกี่ยวกับเพศเดียวกัน" เพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนว่าควรให้ คู่ชีวิตทั้ง "เพศเดียวกัน" และ "ต่างเพศ" อยู่ภายใต้กฏหมายเดียวกันหรือไม่ ในเรื่องของ- การหมั้น- การสมรส- การสมรสกันได้ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป - การมีสิทธิ หน้าที่ และความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาสิทธิของมนุษย์ทุกคนในเรื่องของกฏหมาย เป็นสิ่งที่ทุก ๆ คน ควรมีโอกาสเท่าเที่ยมกัน เมื่อประเด็นนี้ถูกหยิบยกมาพูดถึง เพื่อผลักดันให้เกิดขึ้นจริง ดังนั้นเราจึงต้องร่วมด้วยช่วยกัน ด้วยการตอบแบบสอบถามความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ผ่านทางเว็บไซต์ parliament.go.th"คู่รัก" ไม่ว่า "จะต่างเพศ" หรือ "เพศเดียวกัน" ความหมายเดียวกันก็คือ "คนที่รักกันใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน" แล้วเราจะทำอย่างไรที่จะให้คู่ของเรา "มีความสุข" ภายใต้การคุ้มครองของ "กฏหมายเดียวกัน" เพราะ "มนุษย์ทุกคน" มีสิทธิเท่าเทียมกัน... ขอบคุณข้อมูลจาก parliament.go.thขอบคุณภาพประกอบภาพปก ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4