ORN ยื่นไฟลิ่งเข้าเทรดSET แผนผู้นำอสังหาทางเหนือ
“อรสิริน โฮลดิ้ง” หรือ ORN หุ้น IPO น้องใหม่ ยื่นไฟลิ่งขาย 406.5 ล้านหุ้น เดินหน้าเข้า SET เผยแผนระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจบนพื้นที่ศักยภาพ เป้าหมายเป็นผู้นำตลาดอสังหาฯภาคเหนือใน 3ปี ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2565 กำไรกว่า 280 ล้านบาท และมีอีก 18 โครงการรอเปิดใหม่มูลค่า 15,505 ล้านบาท ในส่วนนี้รอรับรู้รายได้ประมาณ 605 ล้านบาท ปีนี้
บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง หรือ ORN ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวยต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 406,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 27.10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดธุรกิจ (Sector) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ระดมทุนขยายธุรกิจ
โดย วัตถุประสงค์การใช้เงิน ของ ORN เพื่อเป็นเงินทุนในการลงทุนซื้อที่ดินที่มีศักยภาพสำหรับนำไปพัฒนาโครงการ และ/หรือเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโครงการตามแผนธุรกิจและแผนการตลาด รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
ปัจจุบัน ORN มีทุนจดทะเบียน 1,500 ล้านบาท เป็นทุนที่ออกและจำหน่ายแล้ว 1,093.50 ล้านบาท โดยบริษัทเตรียมเพิ่มทุนอีก 406.50 ล้านบาท ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท รวมเป็นทุนจดทะเบียน 1,500 ล้านบาท โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 406.50 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 27.10% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ ORN บริษัทเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการแนวราบ แนวสูง และอาคารพาณิชย์บนทำเลคุณภาพจังหวัดเชียงใหม่ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าชาวไทย และต่างชาติมาโดยตลอด ส่งผลให้โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของอรสิริน ได้รับความนิยมต่อเนื่องมากว่า 17 ปี
ปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารจัดการโดย นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมกับผู้บริหารมืออาชีพ มีบริษัทย่อยทั้งหมด 6 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท นอร์ทโฮม จำกัด (บริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักที่มีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของบริษัท) บริษัท อรสิริน กรุ๊ป จำกัด, บริษัท อรสิริน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด, บริษัท นอร์ทโฮม พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด, บริษัท โกลบอล เวลท์พลัส จำกัด และบริษัท ทิชาพร จำกัด
18 โปรเจกต์ใหญ่รอเปิด
ORN มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและขาย ณ ปี 2565 รวม 18 โครงการ มูลค่ารวม 15,505 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 11 โครงการ มูลค่ารวม 8,348 ล้านบาท แนวสูง 7 โครงการ มูลค่ารวม 7,157 ล้านบาท โดยคงเหลือเพื่อขายมูลค่ารวม 6,385 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบมูลค่า 4,679 ล้านบาท และโครงการแนวสูงมูลค่า 1,706 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายก้าวสู่การเป็นผู้นำอสังหาฯ ระดับกลาง-บน ของภาคเหนือภายใน 3 ปี
โดยโครงการที่อยู่อาศัยที่ยังไม่ปิดโครงการจำนวน 18 แห่ง มูลค่า 15,505 ล้านบาทนั้น ปัจจุบันมีที่ขายแล้วรอโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่าประมาณ 605 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปี 2566 และมีมูลค่าโครงการที่คงเหลือขายรวมประมาณ 6,385 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าคงเหลือขายสำหรับโครงการแนวราบประมาณ 4,679 ล้านบาท และโครงการแนวสูงประมาณ 1,706 ล้านบาท
แผนงานในปี 2566-2567 คาดว่าจะมีโครงการใหม่เปิดขาย ประกอบด้วย แนวสูง 3 โครงการใหม่ ได้แก่ อะไรซ์ เจริญเมือง , เดอะ เน็กซ์ รวมโชค-ซิตี้ฮอลล์ และ เดอะ เน็กซ์ เจ็ดยอด 2 และ แนวราบ 6 โครงการ ได้แก่ ฮาบิแทท ซุปเปอร์ไฮเวย์ , อรสิริน วิลล์ โชตนา , อรสิริน วิลล์ ท่ารั้ว , อรสิริน วิลล์ สันทราย , ฮาบิแทท รวมโชค และ เออร์เบิร์น มิกซ์ บ้านเด่นราชเวช เบื้องต้นมีกำหนดเปิดตัวโครงการในช่วงตั้งแต่ไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป
ปี65กำไร กว่า280ล้านบ.
ผลประกอบการของบริษัทในช่วงปี 2563-2565 มีรายรายได้รวม 864.98 ล้านบาท, 677.60 ล้านบาท และ 1,534.34 ล้านบาท ตามลำดับ แบ่งเป็นรายได้จากแนวราบ 41.58%, 51.99% และ 27.94% ตามลำดับ ส่วนแนวสูง 56.75%, 47.84% และ 71.32% ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิ 128.90 ล้านบาท, 75.25 ล้านบาท และ 280.92 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 14.79%, 10.96% และ 18.22% ตามลำดับ
ณ วันที่ 31 ธ.ค.65 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 3,338.88 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,169.48 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 2,169.41 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในแต่ละปี ไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด
นายอรรคเดช อุดมศิริธำรง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด ORNกล่าวเสริมว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยในภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ยังคงได้รับความนิยมจากชาวไทยและต่างชาติ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมด้านเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ เป็นการเติบโตทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและ โครงการเชิงพาณิชย์ โดยบริษัทยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจากแผนการเปิดโครงการใหม่
อีกทั้ง ปัจจัยสนับสนุนจากกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาลงทุนในประเทศได้มากขึ้น รวมถึง นโยบายมาตรการภาครัฐ อาทิ การลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และมาตรการผ่อนคลาย LTV (Loan To Value Ratio) ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น