หมอยง ไขปมตรวจภูมิต้านทานก่อนหรือหลังฉีดวัคซีน 'โควิด'

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กว่า
โดยตรวจผู้ที่หายจากโรคโควิด-19 แล้ว ติดตามมาถึง 9 เดือน วัดระดับภูมิต้านทานมีหน่วยเป็น IU/ml ได้มีโอกาสวัดระดับภูมิต้านทานของแพทย์ผู้หนึ่งที่กลับจากอเมริกาและได้ฉีดวัคซีน mRNA มาแล้ว 2 เข็มห่างกัน 21 วัน อย่าบอกยี่ห้อเลยนะ ต้องยอมรับว่าภูมิต้านทานที่ตรวจวัดได้สูงมาก สูงถึง 1830 IU/ml เมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่วัดได้จากผู้ที่หายป่วยนับว่าสูงทีเดียว เมื่อเห็นแล้วจึงไม่แปลกว่า ทำไมประสิทธิภาพในการป้องกันจึงสูง ผู้ที่ติดเชื้อจะตรวจแอนติบอดี้ได้ทั้งต่อ Nucleocapsid และต่อ Spike โปรตีน แต่ผู้ที่ฉีดวัคซีนจะไม่พบแอนตี้บอดี้ต่อ Nucleocapsid จะพบแอนติบอดี้เฉพาะ Spike โปรตีนเท่านั้น ดังนั้นสามารถแยกกันได้ว่าภูมิต้านทานที่ขึ้นเกิดจากวัคซีนหรือเกิดจากการติดเชื้อ เช่นเดียวกับไวรัสตับอักเสบบี ถ้าฉีดวัคซีนจะตรวจพบเฉพาะภูมิต้านทานต่อเปลือกผิว antiHBs จะไม่พบภูมิต้านทานต่อ Core หรือ antiHBc ที่หน่วยมีความพร้อมในการตรวจทุกระบบ สามารถวัดระดับภูมิต้านทานได้
ขณะนี้กำลังวางแผนในการทำการศึกษาวัคซีนที่จะมาฉีดในประเทศไทยว่าจะกระตุ้นภูมิต้านทานได้สูงแค่ไหน เมื่อเปรียบเทียบกับภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ และจะเป็นการดีถ้ามีวัคซีนหลายชนิด ก็จะได้เปรียบเทียบกันในการกระตุ้นภูมิต้านทาน เมื่อเรามีข้อมูลในการวิจัยเต็มที่ ต่อไปก็คงจะบอกได้ว่าเมื่อฉีดวัคซีนแล้วในอนาคตจะต้องกระตุ้นอีกหรือไม่ ดูระดับภูมิต้านทานก็คงจะบอกได้ในทางอ้อม และก็คงเหมือนไวรัสตับอักเสบ บี ที่ต่อไปจะมีระดับภูมิต้านทานที่ต่ำที่สุดในการป้องกันโรคที่เป็นตัวเลขที่แน่นอน