ASผนึกพาร์ตเนอร์ต่อยอด ครึ่งปีหลังส่งเกมใหม่หนุน

AS ประเมินครึ่งหลังปี 2566 ฟอร์มแจ่ม รับอานิสงส์เกมใหม่หนุนฐานโตต่อเนื่อง แถมซุ่มดีลร่วมทุนใหม่ราว2-3 ดีล หวังต่อยอดธุรกิจเพิ่ม แถมล่าสุดผนึก "เดอะ บิ๊กส์แบง ทิออร์รี่" ผู้เชี่ยวชาญด้าน Metaverse และบล็อกเชน เปิดตัวนวัตกรรม เมตาเวิร์สในรูปแบบแพลตฟอร์มพร้อมใช้ อัพฐานเพิ่ม

นายกิตติพงศ์  พฤกษอรุณ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Blockchain & Innovation Technologies บริษัท แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ AS เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี2566 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนจากครึ่งแรกปี 2566  เนื่องจากธุรกิจมีแผนเปิดตัวเกมใหม่เพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลให้ฐานผู้ใช้บริการและรายได้ของบริษัทขยายตัว

ทั้งนี้ เกมที่เปิดใหม่ในช่วงที่เหลือปีนี้มีประมาณ7-8 เกม อาทิ เกมเรือธงฟอร์มใหญ่ที่มีผลงานประสบความสำเร็จจากการเปิดให้บริการในต่างประเทศ อาทิ เกมโมบายล์Samkok Tactics เปิดให้บริการในประเทศจีนและไต้หวัน

โดยมีผู้เล่นราว 5 ล้านคน ภายในเดือนแรก, เกม Immortal Kingdoms M (Chaos Portal) เป็นเกมโมบายล์ที่สามารถสร้างรายได้กว่า 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในเดือนแรกที่เปิดให้บริการในประเทศเกาหลีใต้ ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนสนับสนุนให้ภาพรวมธุรกิจสามารถเติบโตได้ตามที่ประเมินไว้

ปีนี้รายได้โต 15%

สำหรับผลประกอบการในปี 2566 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตราว 10-15% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้ราว 1.57 พันล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทมีการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม ประกอบกับมีทางกลุ่ม บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เข้ามาถือหุ้น ทำให้บริษัทมีความสามารถในการขยายช่องทางสร้างรายได้ปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ ทาง AS อยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจากับพาร์ตเนอร์รายใหม่ทางด้านเทคโนโลยีประมาณ2-3 ราย เพื่อต่อยอดและเสริมศักยภาพการดำเนินงานของบริษัทในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนอย่างน้อย 1 ดีลในปี 2566

พาร์ตเนอร์อัพฐาน

อย่างไรก็ดี ล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือกับ "เดอะ บิ๊กส์แบง ทิออร์รี่" ผู้เชี่ยวชาญด้านMetaverse และบล็อกเชน เปิดตัวนวัตกรรม เมตาเวิร์สในรูปแบบแพลตฟอร์มพร้อมใช้ หรือ Metaverse as a Service เป็นรายแรกของโลก

โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจด้านBlockchain & Innovation Technologies อย่างต่อเนื่อง และมองเห็นโอกาสด้านเทคโนโลยี Metaverse ที่กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในชีวิตประจำวัน

จากผลสำรวจของ บริษัทวิจัยชั้นนำของโลก ได้ประมาณการมูลค่าการเติบโตของตลาดจากปี2564 ซึ่งมีมูลค่าตลาดอยู่ที่58,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะเพิ่มเป็น1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2573 โดยคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 43.7% และคาดว่าภายในปี 2559 จะมีประชากร 25% เข้าระบบใช้งาน Metaverse อย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเพื่อการทำงาน การศึกษา ช็อปปิ้ง โซเชียล หรือความบันเทิงต่างๆ

เมตาเวิร์สเขย่าตลาด

นอกจากนี้ ในปี 2566 เรากำลังเข้าสู่การตลาดยุค Marketing 6.0 หรือ Metaverse Marketing ที่แบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องสร้างประสบการณ์แบบ Immersive Experiences ให้แก่ผู้บริโภคด้วย การสร้างการเชื่อมโยงระหว่างโลกออฟไลน์และโลกออนไลน์เข้าด้วยกันได้อย่างไร้รอยต่อ