นี่คือหนังสือเล่มบางจากสำนักพิมพ์ FP edition ที่อ่านง่ายที่สุดเท่าที่ครีเอเตอร์เคยเจอ เป็นเนื้อหาที่เข้าใจง่าย ตรงตัว ไม่อ้อมค้อมมากเกินไป และด้วยเนื้อหาที่แบ่งเป็นเคล็ดลับอย่างง่าย 24 ข้อพร้อมบทสรุปเพื่อให้ได้ใจความสำคัญในการทำความเข้าใจ ทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มทีาครีเอเตอร์ชอบที่สุดของสำนักพิมพ์ James Pardoe ได้รวบรวมแนวคิดของบัฟเฟตต์เอาไว้แล้ว คนลงทุนหุ้นสาย VI (Value Investor) จะเหมาะมาก แปลโดย เอกสิทธิ์ หัสสรังสี ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.ทำให้ง่ายเสมอ อย่าทำให้การลงทุนเป็นเรื่องยาก พยายามเกาะติดอยู่กับสิ่งที่คุณเข้าใจดี ซื้อบริษัทที่มีธุรกิจที่เข้มแข็ง บริหารโดยผู้บริหารที่มีจริยธรรม ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนที่มีความซับซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัดสินใจลงทุนด้วยตัวคุณเอง จงเป็นที่ปรึกษาการลงทุนของตัวเอง ระวังโบรกเกอร์, มาร์เก็ตติ้งที่พยายามจะให้คุณซื้อขายหุ้น ระวังกองทุนรวมที่มาพร้อมกับค่าธรรมเนียมก้อนโต เหล่านี้ไม่ได้มีคำว่าผลประโยชน์ของคุณอยู่ในนั้นเป็นที่แน่ชัดว่าในใจของบุคคล 2.ศึกษาบุคคลที่บัฟเฟตต์ศึกษา บุคคลที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งยวดต่อบัฟเฟตต์ นอกจากพ่อของเขา โฮเวิร์ด บัฟเฟตต์ ก็คือ เบนจามิน เกรแฮม บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) ผู้ซึ่งสอนบัฟเฟตต์เมื่อหลายทศวรรษที่แล้วว่า “ความสำเร็จในการลงทุนนั้น ไม่จำเป็นต้องมาจากความสลับซับซ้อน” น่าจะเป็นความคิดที่ดีที่จะศึกษาบทเรียนเหล่านั้น 3.คุยกับปรึกษาทางการเงินหรือโบรกเกอร์ด้วยความระมัดระวัง คุณอาจจะต้องมองหาที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อศึกษาถึงพื้นฐานการลงทุน แต่คุณต้องแน่ใจว่าคุณจะไม่ถูกชักจูงโดยพวก “มืออาชีพ” และจงจำไว้ว่าบุคคลเหล่านี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับคุณ จำไว้ว่าไม่มีใครในโลกของการลงทุนที่มีประวัติการสร้างผลตอบแทนดีเท่าบัฟเฟตต์ เมื่อคุณเริ่มที่จะสนใจการลงทุนในตลาดหุ้น ไม่มีอะไรจะไปกว่าการฟังคนที่ทําเงินได้มากที่สุด 4.เกาะติดอยู่กับบริษัทที่ดี อย่าตื่นตกใจในความสับสนของตลาด(หรือไม่ก็อย่ายุ่งกับตลาดตั้งแต่แรก) ซื้อหุ้นบริษัทที่ดี ถือไว้นานๆ อย่าปาเป้าโดยการ ซื้อ-ขาย หุ้นบ่อยๆ จากการวิจัยพบว่า ยิ่งซื้อขายหุ้นมากเท่าใด โอกาสขาดทุนก็มากเท่านั้น นี่ยังไม่รวมค่านายหน้าที่คุณต้องจ่าย 5.รู้จักตัวเอง อย่าซื้อหุ้นถ้าคุณไม่สามารถทนได้กับราคาหุ้นที่ลดลงไปครึ่งหนึ่ง นั่นหมายความว่าคุณต้องมีวินัยและความอดทนในการถือหุ้นของบริษัทที่มีพื้นฐานดีและมีผู้บริหารที่รอบรู้ 6.อย่าตัดสินใจลงทุนเพราะมีคนอื่นมากระซิบหุ้นเด็ด ทำหูให้หนักเข้าไว้สำหรับหุ้นกระซิบ ทำการบ้านของคุณ และคิดให้รอบคอบเพื่อตัวคุณเอง 7.ซื้อเฉพาะหุ้นที่คุณแน่ใจว่าจะไม่ขายอีกอย่างน้อย 5 ปี เมื่อคุณซื้อหุ้นจงทำเป็นว่าตลาดหุ้นจะปิดไปอีก 5 ปี ข้างหน้า และคุณไม่สามารถที่จะขายหุ้นได้ นั่นจะบังคับให้คุณมองอนาคตในระยะยาว (จำไว้ว่า “เวลาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของธุรกิจ” อย่าเช็กราคาหุ้นของคุณทุกวันหรือทุกสัปดาห์ จงจำไว้ว่าราคาหุ้นขึ้นลงเสมอ จงใช้เวลาให้เป็นประโยชน์โดยการจับตามองผลการดำเนินงานในธุรกิจของคุณ แทนที่จะมองราคาหุ้น ถ้าคุณมีคำถามว่า “ผมจะต้องรอนานเท่าไร” หรือคำถามที่ว่า“ผมจะต้องถือหุ้นนี้นานเท่าไร” บัฟเฟตต์จะตอบคุณว่า “ถ้าคุณซื้อหุ้นที่ดีแล้วคำตอบก็คือ ถือไว้ตลอดกาล” 8.แล้วบัฟเฟตต์มีหลักการอะไรในการเลือกซื้อหุ้น ต่อไปนี้คือหลักสำคัญ 4 ประการของบัฟเฟตต์ 1. เขาสามารถเข้าใจธุรกิจนั้นได้ 2. บริษัทมีประวัติการดาเนินงานที่ดีเป็นระยะเวลายาวนาน 3. ดำเนินธุรกิจโดยผู้บริหารที่มีความสามารถและมีความซื่อสัตย์สุจริต 4. ราคาหุ้นน่าสนใจ 9.ถ้าคุณยังไม่สามารถที่จะนึกได้ว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้านั้น บริษัทของคุณจะเป็นอย่างไร นั่นก็หมายความว่าคุณยังไม่เข้าใจบริษัทนั้นดีพอ”ถ้าคุณยังไม่เข้าใจในธุรกิจที่คุณจะทุ่มเงินลงไป คุณจะกลายเป็นนักเก็งกำไรแทนที่จะเป็นนักลงทุน คุณกำลัง “ฝัน” มากกว่า “คิด” 10.ต่อไปนี้คือบางสิ่งที่นักลงทุนสามารถทำได้เพื่อการคาดเดาอนาคตของธุรกิจในระยะยาว จำไว้ว่าหุ้นคือส่วนหนึ่งของกิจการ อย่าซื้อหุ้นเพราะการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น แต่จงซื้อหุ้นเพราะคุณได้วิเคราะห์พื้นฐานและคาดเดาอนาคตของธุรกิจนั้นไว้แล้ว ประเมินพื้นฐานของธุรกิจก่อนที่คุณจะซื้อหุ้น กำไร, รายได้, กระแสเงินสด, งบดุล และงบกำไรขาดทุน ทั้งหมดนี้คือ กุญแจสำคัญที่จะช่วยคุณหาบริษัทที่มีสุขภาพดีในระยะยาว 11.ธุรกิจที่มีแฟรนไชส์นั้นต้องขายหรือให้บริการที่.... 1.จําเป็นหรือที่ตอบสนองความต้องการ (ความโลภ) 2. ไม่ต้องการเงินลงทุนที่มากเกินไป 3.เป็นผู้นําตลาดและไม่มีคู่แข่งที่ใกล้เคียง 4. สามารถขึ้นราคาสินค้าหรือบริการได้อย่างอิสระ (สามารถผลักภาระให้ผู้ซื้อได้) 12.ข้อแนะนำที่จะช่วยให้คุณเลือกซื้อและถือหุ้นให้ถูกบริษัท มองหาธุรกิจแฟรนไชส์ที่จะยืนหยัดผ่านการทดสอบของกาลเวลา จงมองหาบริษัทที่เข้าข่ายแฟรนไชส์ของบัฟเฟตต์คือ บริษัทต้องผลิตสิ่งที่จำเป็นหรือตอบสนองความต้องการของมนุษย์, ไม่มีคู่แข่งที่ใกล้เคียง, ไม่ต้องใช้เงินทุนมาก และสามารถขึ้นราคาได้อย่างอิสระ ศึกษาพื้นฐานของบริษัทก่อนที่คุณจะซื้อมัน ต้องให้แน่ใจว่าคุณ ศึกษาพื้นฐานของบริษัทอย่างละเอียดก่อนที่จะซื้อหุ้น นี่จะช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้นและเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการลงทุนระยะยาว 13.ลงทุนในธุรกิจ “คลื่นลูกเก่า” บัฟเฟตต์ชอบบริษัทที่น่าเบื่อและเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเรา เพราะว่าบริษัทเหล่านี้ทำสิ่งเดิมๆ มาแล้วเป็นทศวรรษ มองหาบริษัทที่เปิดมาแล้ว 50 ปี เพื่อที่จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพว่าบริษัทจะอยู่รอดได้อย่างไรในอีก 50 ปีข้างหน้า จำไว้ว่าบริษัทใช้เวลาเป็นทศวรรษเพื่อที่จะกลายเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ 14.มันง่ายที่บริษัทจะพุ่งเป็นจรวดในปีแรกๆ แต่จรวดจะตกลงมาในอีก 2-3 ปี ข้างหน้าเมื่อเชื้อเพลิงหมดแล้ว จงหลีกเลี่ยงหุ้นที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการแข่งขัน จงอยู่ให้ห่างความเปลี่ยนแปลง ให้มองหาธุรกิจที่จะเปลี่ยนแปลงในอนาคตก็ต่อเมื่อจะขยายธุรกิจเท่านั้น 15.พยายามอย่าลงทุนเกิน 10 บริษัท บัฟเฟตต์เชื่อว่าการกระจาย ความเสี่ยงตามที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายแนะนําจะทำให้คุณได้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น จงทำการบ้านและมองหา 5-10 บริษัทที่คุณอยากจะเป็นเจ้าของไปอีก 5-10 ปี ข้างหน้า และรอจนกว่าคุณจะสามารถซื้อ มันได้ในราคาที่คุณตั้งใจ เมื่อมีโอกาสแล้วให้ซื้อหุ้นด้วยความมั่นใจ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณต้องมีความอดทน ต้องแน่ใจว่าหุ้นที่จะซื้อนั้นเข้าตามเกณฑ์ที่บัฟเฟตต์ตั้งไว้ 16.จงกล้าหาญ การลงทุนครั้งสำคัญๆ ของบัฟเฟตต์นั้นมักจะทำในช่วงเศรษฐกิจขาลง เมื่อทุกคนกลัวการลงทุน จงกล้าหาญที่จะตัดสินใจ พอร์ตการลงทุนแบบมุ่งเน้น เป็นกลยุทธ์ที่ตรงกันข้ามกับการกระจายความเสี่ยง 17.อย่าเอาความคิดของมวลชนมาแทนที่การคิดแบบอิสระ อย่าวิ่งตามฝูงชน ทำการบ้านของคุณและตัดสินใจเลือกการลงทุนด้วยตัวคุณเอง อย่าปล่อยให้ตัวคุณถูกครอบงำโดยผู้อื่น หรืออย่าตัดสินใจเพียงเพราะมันคือสิ่งที่ต้องทำ การคิดอย่างอิสระคือทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในพอร์ตของคุณ บัฟเฟตต์พูดว่า การเป็นคนฉลาดนั้นไม่ดีพอ คนที่มีไอคิวสูงจำนวนมากตกเป็นเหยื่อของการคิดตามกระแส การคิดอย่างอิสระคือ ความแข็งแกร่งอย่างหนึ่งของบัฟเฟตต์ จงทำให้ความแข็งแกร่งนั้นเป็นของคุณ หลักการทั้งหมดฟังดูเหมือนจะง่าย แต่การลงทุนให้ได้ผลตอบแทนตามแผนที่ตั้งในไว้กลับไม่ง่ายเลย เราจะถูกท้าทายจากปัจจัยของเราเอง และปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้มากมาย อีกทั้งแนวคิดบางอย่างก็ต้องใช้วิจารณญาณให้ดี เช่น แนวคิดที่บอกว่าอย่าสนใจภาพใหญ่ของประเทศ ให้สนใจภาพเล็กอย่างพื้นฐานธุรกิจก็พอ หากธุรกิจดี หุ้นก็ย่อมดีตามผลประกอบการ มันก็ถูกส่วนหนึ่ง แต่ความจริงแล้วเราคงไม่ลงทุนหุ้นดีในประเทศล้าหลังแน่ๆ บัฟเฟตต์ใช้แนวคิดนี้แล้วทำสำเร็จ...เพราะอเมริกายังไม่ถึงจุดที่ทั่วโลกทอดทิ้ง เครดิตภาพ ภาพปก โดย Tommes Frites จาก pexels.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 โดย Leeloo The First จาก pexels.com ภาพที่ 4 โดย energepic.com จาก pexels.com เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !