เริ่มต้นปี 2566 ด้วยการมีสมาชิกใหม่ของบ้าน นั่นคือ Nissan kicks e-power ปี 2022 ที่วันนี้ผู้เขียนจะมารีวิวระบบ e-power สมรรถนะการขับขี่จากผู้ใช้งานจริง จุดเด่น-จุดด้อยของรถคันนี้กับคู่แข่งของเขาที่มีทั้งรถไฟฟ้า รถไฮบริดและรถน้ำมัน เพี่อเป็นตัวเลือกให้ใครที่กำลังสนใจรถยนต์ระบบ e-power คันนี้ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นรู้จักภาพรวมของ Nissan kicksต้องบอกว่าค่ายนิสสัน เป็นค่ายที่มีนวัตกรรมและเทคโลยีใหม่ๆเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีรถไฟฟ้าเข้ามาประเทศไทยเป็นคันแรกๆของของไทยอย่าง Nissan leaf และเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าลูกครึ่งไฮบริด ที่จะเป็นไฟฟ้าก็ไม่ใช่ ไฮบริดก็ไม่เชิง อย่างระบบ e-power (ที่จะมาอธิบายให้ฟังต่อไปว่าเป็นอย่างไร) และนำระบบ e-power บรรจุเข้ากับรถ Nissan kicks e-power รุ่นแรก และเข้ามาขายในไทยเมื่อประมาณปี 2018 แต่ระบบ e-power ก็ไม่ได้เป็นระบบที่นิสสันพึ่งสร้างแต่อย่างใด มันเป็นระบบที่นิสสันนำไปใช้งานในประเทศญี่ปุ่นก่อนเข้าไทยมาหลายปีมาก และเป็นที่นิยมในต่างประเทศอีกด้วย แต่นิสสันก็ยังคงคอนเซปต์ของการเป็นเจ้าพ่อตลาดวาย ที่สาวกนิสสันที่ชอบรถนิสสันชอบพูดว่ารถยนต์ตัวไหนรูปทรงรถสวย เทคโนโลยีเข้าท่า จะยังไม่รีบนำเข้าไทย แต่จะเข้าไทยก็ต่อเมื่อมีบริษัทคู่แข่งเปิดตัวก่อนสะงั้น แต่กับนิสสันคิกส์ เมื่อเข้าไทยมาแล้ว ก็ผ่านบทพิสูจน์มากมาย กว่าจะอธิบายนิยามของรถนิสสันคิกส์ตัวนี้ว่าเป็นระบบไหนกันแน่ ให้ผู้คนเข้าใจก็กินเวลานานพอสมควร และทำให้ตลาดซื้อขายรถนิสสันคิกส์ในระยะแรกๆ ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร แต่เมื่อเวลาผ่านไป นิสสันคิกส์กลับมาแย่งชิงอันดับต้นๆของการซื้อขายรถขนาด suv อีกครั้งในปี 2022 เพราะนิสสันปล่อย Nissan kicks e-power รุ่นที่ 2 พัฒนาระบบแบตเตอรี่ให้ขนาดเล็กลงและจุเยอะขึ้น เพิ่มพละกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า แถมมาพร้อมกับราคาที่ถูกลง ตัวท็อปต่ำกว่าล้านเป็นครั้งแรก แถมนิสสันยังคว้าใบเฟิร์น พิมพ์ชนก มาเป็นพรีเซนเตอร์กระตุ้นการตลาดของนิสสัน คิกส์ จนทำให้ใครหลายคนสนใจในตัวนิสสันคิกส์เป็นอย่างมาก รวมถึงตัวผู้เขียนเองก็รู้สึกสนใจตั้งแต่แรกเห็นเช่นกันมาดูความหล่อของตัวถัง Nissan kicksสำหรับรูปร่าง รูปทรง และภายในของนิสสันคิกส์ ก็ไม่ได้จัดว่าหรูหราหมาเห่า เบาะสีสันสวยงาม หลังคา sun roof ขวัญใจวัยรุ่น เหมือนคู่แข่งอย่าง Ora good cat, byd atto 3, mg vs ที่รูปทรงโดดเด่นชนิดที่ว่าเห็นแวบเดียวก็รุ้ว่ารถอะไร5555 แต่ถือว่าทำได้สวยงาม หล่อเหลา ดูสปอร์ตแบบวัยรุ่น ตามฉบับรถญี่ปุ่น แถมตัวถังก็ออกแบบมาให้เป็นรถ suv ที่ผอมสูงกว่าบรรดา suv ใน segment เดียวกัน แต่ก็ช่วงล่างดีชนิดยึดเกาะถนนได้มาก แต่นั่นก็เป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล ซึ่งสามารถมา ยลโฉม นิสสันคิกส์ได้ตามรูปด้านล่างเลยสมรรถนะการขับขี่ จากระบบ e-power ที่ไม่ธรรมดานอกจากตัวถังที่ดูสปอร์ต รถยนต์คันนี้ยังมากับสมรรถนะที่เหนือความคาดหมาย กับระบบ e-power ที่นำน้ำมันจากการเติมน้ำมันลงถังความจุ 41 ลิตร (สามารถเติมได้ถึง e-20) เป็นเชื้อเพลิงให้เครื่องยนต์ขนาด 1,200cc ปั่นไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ และแบตเตอรี่จะจ่ายไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์ โดยที่เครื่องยนต์ไม่มีส่วนในการขับเคลื่อนรถยนต์เลย ดังนั้นความรู้สึกการขับขี่จะเหมือนกับการขับรถไฟฟ้าทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วที่มาตั้งแต่ความเร็วต้น (เหยียบเป็นมา กดเป็นพุ่ง) ความเงียบของการขับขี่ และเสียงอวกาศมากมายเช่นเสียงวี๊ด เสียงวู๊บ และเสียงสังเคราะห์งุ้งงิ้วเมื่อขับในความเร็วต่ำและเข้าใกล้คน สำหรับความเร็วตั้งแต่ 0-100 ก็มีการทดสอบจากนักรีวิวรถหลากหลายคน ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 9 วินาที (ถือว่าเร็วมากเมื่อเทียบกับราคา) การขับในเมือง สายมุดก็จะชอบและรู้สึกขับสนุก ในขณะที่ใครสายชิว รถติด จิบกาแฟในรถ ก็ไม่ได้รู้สึกน่าเบื่อหน่ายและปวดเมื่อย เนื่องจากในรถมีระบบ adaptive cruise control ที่ทางนิสสันเรียก intelligent cruise control ที่แปรผันความเร็วตามคันหน้าถึงจุดหยุดนิ่งและมี auto brake hole ที่ติดไฟแดงก็สามารถยกเท้าออกจากคันเร่งได้เลย ซึ่งเป็นระบบที่ใช้งานค่อนข้างบ่อยที่สุดสำหรับผู้เขียนเลยมาต่อที่ระบบความปลอดภัย ในรุ่น vl ที่ผุ้เขียนว่าเยอะแล้วนะ (ในความคิดของผู้เขียน) เท่าที่นึกได้คือมี air bag 6 ลูก มีเตือนจุดอับสายตาที่ฝังอยู่ในเสาด้านหน้า (เห็นชัดมาก) ระบบเตือนเมื่อรถเข้าใกล้ขณะถอย ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินหากเข้าใกล้คันหน้าในระยะวิกฤต ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกนอกเลน แต่พวงมาลัยไม่ดึงกลับนะ (ส่วนตัวผู้เขียนชอบที่ไม่ดึงกลับพวงมาลัยมาก เพราะไม่อยากให้ยุ่งกับพวงมาลัยใดๆเลย ตัวนี้มีแค่สั่น ไม่ดึงกลับเลยชอบมาก) กล้อง 360 องศารอบคัน ด้านหน้า ด้านหลัง และกระจกมองหลังที่เป็นกล้อง (ชอบมาก ตัดปัญหาไม่อยากมองหน้าคนด้านหลังได้เลย)และนี่คือผลการทดสอบการชน ระดับ ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ ที่จัดว่าคะแนนดีมากๆ นอกจากขับสนุกแล้ว ยังประหยัดเทียบเท่าหรือมากกว่า eco cars อีกด้วย เท่าที่ผู้เขียนขับมาตอนนี้ประมาณ 4,000 กิโลเมตร เติมน้ำมันไปประมาณ 6 ถัง ตั้งแต่ออกรถ เฉลี่ยก็ประมาณ 22 กิโลเมตร/ลิตร ผู้เขียนเติม แก๊สโซฮอล์ 95 ก็ตกประมาณกิโลละ 1 บาทกว่าๆเท่านั้นเอง (ผู้เขียนเคยทำได้มากสุด กิโลเมตรละ 1 บาท 22 สตางค์) ซึ่งเรื่องความประหยัดก็ขึ้นอยู่กับนิสัยการขับขี่ของแต่ละบุคคลซึ่งไม่เหมือนกัน เพื่อนผู้เขียนเองเป็นคนเท้าหนัก เหยียบไม่ยั้ง พุ่งสุดตัว ตกที่ประมาณ 14-16 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งก็ถือว่าเป็นรถยนต์ที่ทำได้ดีในทุกด้านมันสรุปรายงานการขับขี่ในแต่ละครั้งที่ขับด้วยอันนี้คืออัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ทำได้ จะเห็นว่า น้ำมันถังนี้ ขับไปแล้ว 259.3 กิโลเมตร มีอัตราสิ้นเปลืองที่ 23.7 km/lจุดแข็ง-จุดอ่อนจุดแข็งที่ทำให้นิสสันคิกส์ ไม่เหมือนใครคือ1. ระบบ e-power ที่มีตอนนี้มีอยู่ในนิสสันคิกส์คันเดียว2. ระบบเตือนมุมอับสายตาที่อยู่ในเสาด้านใน ทำให้เห็นชัดมากไม่หวั่นแม้สภาพอากาศย่ำแย่3. กระจกมองหลังอัจฉริยะ ที่เปลี่ยนจากกระจกมองหลังธรรมดาเป็นกล้องมองหลังจุดแข็งเพิ่มเติม ที่ทำให้นิสสันคิกส์ดูโดดเด่นขึ้น1. มีพื้นที่จุของตอนท้ายที่ใหญ่ สามารถจุของได้เยอะเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เช่น Chr hrv 2. ไฟบรรยากาศ ที่ทำมาถูกใจใครหลายคน ผู้เขียนด้วยเช่นกัน555สำหรับจุดอ่อนของรถคันนี้ก็มีไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้หักล้างข้อดีของมันเลย1. ยาง ที่มากับซีรีส์ 205/55/R17 กับยาง continental แบรนด์ดังจากยุโรป ที่แก้มยางนุ่มนิ่มเหลือเกิน เพื่อช่วย support ช่วงล่างให้มีความนุ่มนวลและเพิ่มการประหยัดน้ำมัน แต่นั่นก็แลกมากับการแตกง่าย แต่ก็สามารถแก้ด้วยการเติมลมยางเท่าสเปคข้างประตูหรือมากกว่า (สเปคข้างประตูก็สูงแล้ว 35/32) และหมั่นเช็คลมยางบ่อยๆ2. แอร์ ที่เป็นแอร์ที่เป็นระบบแบบแอร์บ้าน และในรุ่นที่ 2 บางคันมีอาการแอร์ไม่เย็นจนต้องเปลี่ยนคอมแอร์ใหม่ (หลายเคสมาก) ซึ่งนิสสันก็ออกประกาศว่าหากมีอากรให้เข้าไปเปลี่ยนในศูนย์นิสสันได้ทั่วประเทศโดยไม่มีค่าใช้จ่าย3. พวงมาลัยเบา หากเป็นผู้หญิงขับจะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าเป็นผู้ชายขับอาจจะรู้สึกว่าพวงมาลัยเบาเกินไปและไม่สามารถปรับระดับความหนักของพวงมาลัยได้ ซึ่งอันนี้ก็ต้องไปลองขับกันนะราคาและโปรโมชั่นตอนซื้อสำหรับราคาตอนผู้เขียนซื้อ จะมี 4 รุ่นด้วยกันแต่ตอนที่ผู้เขียนซื้อคือรุ่น vl ราคา 899,000 บาท + ค่าสี 10,000 บาท เป็น 909,000 บาทส่วนโปรโมชั่นและของแถมมี ประกันชั้น 1, ฟิล์มเซรามิกส์รอบคัน, ชุดคิ้วกันสาด สครับเพจ ปลายท่อ ผ้ายางหลังรถ, ประกันระบบ 5 ปี ประกับแบตเตอรี่ 10 ปี, แพ็คเกจ platinum safe save เช็คระยะฟรี 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (คุ้มค่ามากอันนี้ เช็คระยะไม่เสียเงินสักบาท)สรุป นิสสันคิกส์จากประสบการณ์ใช้จริง ต้องบอกว่าผู้เขียนมีรถอยู่แล้ว 3 คัน นิสสันคิกส์คือคันที่ 4 ก็รู้สึกขับสนุกมาก ไม่ผิดหวัง ยังอยากขับรถไปเที่ยวกับรถคันนี้เรื่อยๆ ถือว่าเป็นอีกคันหนึ่งที่จะแนะนำต่อเวลาที่ใครสนใจรถคันนี้ เพราะมันคุ้มค่าที่สุดในช่วงเวลานี้จริงๆภาพทุกภาพถ่ายโดยผู้เขียน7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์