สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่านวันนี้บทความของผมจะเกี่ยวข้องกับสายการบินแอร์เอเชียครับ ทุกท่านคงสงสัยกันใช่ไหมครับว่าทำไมผมถึงออกตัวแรงกับสายการบินแอร์เอเชียขนาดนี้นั่นก็เพราะว่าแอร์เอเชียเป็น 1 ใน 2 สายการบินที่ผมขึ้นตลอดและเป็นสายการบินเดียวที่ผมขึ้นไปแล้วหูอื้อน้อยที่สุดและไม่เจ็บหูเลยครับ ทำไมถึงฉันต้องขึ้นแอร์เอเชียด้วยล่ะในเมื่อสายการบินอื่นก็ไปถึงที่หมายเหมือนๆกันทั้งนั้น ใช่ครับผู้อ่านทุกท่านเรื่องนี้ผู้เขียนไม่เถียงเลยในเรื่องที่ว่าสุดท้ายปลายทางก็เหมือนกัน แต่ผู้เขียนขออนุญาตถามกลับนะครับว่าถ้าผู้อ่านได้ทำการจองตั๋วเที่ยวบินที่ระบุวันเวลาไว้อย่างชัดเจนแล้วแต่ทางสายการบินนั้นได้ขอยกเลิกไฟล์ทที่ผู้อ่านได้ทำการจองไว้ ณ วันนั้นและเวลานั้นพอดีเป๊ะๆ ผู้อ่านจะรู้สึกยังไงหรอครับ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ยังไม่รวมถึงการคืนเงินนะครับไม่ใช่ว่าพอทางสายการบินยกเลิกแล้วเราจะได้คืนเงินทันทีนะครับเพราะแต่ละสายการบินก็จะมีรอบบัญชีหรือรอบจ่ายของทางตัวสายการบินเองเช่น 30 วัน 60 วันหรือ 90 วัน แต่ประสบการณ์ในการขึ้นเครื่องบินกับสายการบินแอร์เอเชียในแต่ละครั้งของผมนั้นไม่เคยเจอปัญหาจุกจิกพวกนี้เลยครับทางสายการบินรับผิดชอบและให้ความสำคัญของเวลาของผู้โดยสารเสมอเลย เหตุการณ์ที่ผมประทับใจที่สุดของสายการบินแอร์เอเชียเลยก็คือการที่เขาลัดคิวให้ผู้โดยสารของเขาเพื่อที่จะให้ได้ขึ้นไฟล์ทนั้นได้ทันก่อนที่เครื่องบินจะบินออกไป ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาต้องแทรกคิวคนที่มาก่อนใช่ไหมครับถูกต้องแล้วครับเขาต้องแทรกคิวให้ก่อนเพราะไฟล์ทนั้นกำลังจะขึ้นบินแล้วแต่เรามองได้อีกแง่นะครับว่าเขาแคร์ลูกค้าของเขาทุกคนจริงๆไม่อยากให้ใครได้ตกเครื่องถึงแม้เวลาเหลืออีกแค่นาทีเดียวพวกเขาก็จะพยายามพาผู้โดยสารหรือลูกค้าของเขาขึ้นเครื่องให้ทันให้ได้ครับ เรามาคุยกันเรื่องความรู้เบื้องต้นหรือความรู้พื้นฐานก่อนจะขึ้นสายการบินกันก่อนดีกว่าครับ - ถ้าเราไม่อยากให้ทางสายการบินลัดคิวให้เพราะเกรงใจทางสายการบินหรือกลัวภาพลักษณ์ทางสายการบินจะเสียหน้าเพราะเราเราก็สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ง่ายๆครับเช่น ไปก่อนเครื่องบินจะออก 2 ชั่วโมง(ฟังดูเหมือนเยอะนะครับแต่ความจริงแปปเดียวเท่านั้นแหละครับ) - สามารถไปยืนหรือนั่งรอหน้าเกทได้เลยครับเกทจะเปิดก่อนเครื่องขึ้นประมาณครึ่งชั่วโมง - ดูเลขที่นั่งของผู้อ่านดีๆนะครับว่าแถวไหนเลขอะไร - เรื่องการเตรียมสัมภาระกระเป๋าถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 7 กิโลกรัม (ปกติผู้เขียนจะพกแค่นี้) เอาล่ะเรามาคุยกันเรื่องอะไรที่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ไม่ได้กันดีกว่าครับ · ของเหลว เกิน 100 มิลลิลิตรต่อชิ้น (เช่น น้ำดื่ม, น้ำหอม, เจล, ครีม, สเปรย์) · วัตถุมีคม (กรรไกร, มีดพก, คัตเตอร์) · ไฟแช็ก (บางสายการบินอนุญาต 1 อันในตัว) · อาวุธ ของเล่นที่ดูคล้ายอาวุธ · วัตถุไวไฟ (เช่น สี, กาว, สเปรย์พ่นไฟ) สาเหตุที่ผู้เขียนเขียนบทความเช่นนี้เพราะผู้เขียนประสบพบเจอกับเหตุการณ์ตรงนั้นหน้าและตรงนั้นจริงๆผู้เขียนจึงเข้าใจในมุมมองของผู้อ่านที่กำลังประสบอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกันฉะนั้นนี่จึงเป็นบทความที่เขียนมาจากเรื่องจริงทั้งหมดไร้การปรุงสีเติมแต่งใดๆทั้งสิ้น) เอาล่ะครับผู้อ่านทุกท่านก่อนที่ผู้เขียนจะลาไปจากบทความนี้ผู้เขียนขออนุญาตแปะรูปภาพจริงไว้ให้คร่าวๆก่อนนะครับรูปภาพเหล่านี้จะเป็นสรุปในสรุปอีกทีนะครับว่าผู้อ่านจะผ่านส่วนไหนกันบ้าง อันดับแรกเนี่ยถ้าผู้อ่านทุกท่านซื้อตั๋วหรือจองตั๋วมาแล้วให้มาทำการเช็คอินทางสายการบินได้เลยครับพอผ่านไปได้แล้วเนี่ยเราก็สามารถเดินเข้าไปข้างในเพื่อสแกนกระเป๋าหรือตรวจสอบกระเป๋าได้เลยครับ พอเสร็จจากส่วนนั้นเราก็เดินตรงไปที่เกทเพื่อที่จะรอขึ้นเครื่องได้เลย นี่จะเป็นภาพก่อนที่เราจะขึ้นเครื่องนะครับ ในท้ายที่สุดแล้วผู้เขียนหวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการอ่านบทความของผู้เขียนแต่อย่างไรก็แล้วแต่การอ่านหนังสือ 100 เล่มไม่เท่ากับประสบการณ์จริงเพียงเรื่องเดียว ผู้เขียนมีความคิดเห็นเยี่ยงนั้นแต่การอ่านเก็บประสบการณ์ของคนอื่นไปก่อนนั้นมีไว้เพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านเตรียมตัวก่อนที่จะเผชิญหน้าสิ่งที่คล้ายหรือใกล้เคียงกับผู้เขียนเท่านั้น หากผู้เขียนเขียนบทความขาดตกบกพร่องประการใดต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยและผู้เขียนหวังอย่างยิ่งว่าผู้อ่านทุกท่านจะสนุกไปพร้อมกับการอ่านบทความของผู้เขียน เครดิตภาพทั้งหมด: ผู้เขียนเป็นคนทำขึ้นมาเองทั้งหมด ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านมา ณ ที่นี้ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !