นักวิจัยชี้ ไดโนเสาร์อาจเดินช้ากว่าที่เคยเชื่อถึง 4 เท่า หากคำนวณความเร็วจากรอยเท้า

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Liverpool John Moores ประเทศอังกฤษ เผยผลการศึกษาล่าสุดที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจของเราที่มีต่อไดโนเสาร์ไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเรื่อง “ความเร็วในการเคลื่อนที่” ที่อาจถูกประเมินเกินจริงมานานหลายทศวรรษ

งานวิจัยชิ้นนี้ตั้งคำถามกับสูตรคำนวณความเร็วจากรอยเท้าที่คิดค้นโดยนักสัตววิทยา อาร์. แมคนีล อเล็กซานเดอร์ (R. McNeill Alexander) เมื่อปี 1976 ซึ่งอาศัยข้อมูลจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นหลัก และถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการประเมินความเร็วของไดโนเสาร์จากรอยเท้าฟอสซิลที่พบตามแหล่งขุดค้นทั่วโลก

นักวิจัยทดลองโดยใช้ไก่กินี (Guinea fowl) ซึ่งเป็นนกที่เดินสองขาเหมือนไดโนเสาร์กลุ่มเทอโรพอด เช่น เวโลซีแรปเตอร์ (Velociraptor) ให้เดินผ่านพื้นผิวโคลนหลากหลายแบบ ก่อนแปลงรอยเท้าเป็นดิจิทัลแล้วคำนวณความเร็ว พบว่าสูตรเดิมของอเล็กซานเดอร์ประเมินความเร็วสูงกว่าความเป็นจริงถึง 4.7 เท่า โดยเฉพาะในกรณีของพื้นดินที่อ่อนนุ่มและโคลน ซึ่งมีผลต่อการยืดของรอยเท้าและความยาวก้าว แตกต่างจากภาพเดิม ๆ ของไดโนเสาร์เวโลซีแรปเตอร์ในภาพยนต์ที่วิ่งได้รวดเร็ว

Bob - Picasa Web Albums / Wikipedia

ตัวอย่างเช่น หากไก่กินีเดินจริงที่ความเร็วเพียง 1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เมื่อคำนวณด้วยสมการที่ใช้กับไดโนเสาร์ จะได้ค่าความเร็วสูงถึง 4.7 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือในบางกรณีอาจสูงถึง 19 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากการเดินที่แท้จริงเพียง 4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เท่านั้น ซึ่งบ่งชี้ว่าพฤติกรรมที่เราตีความว่า “วิ่ง” อาจเป็นเพียง “เดิน” เท่านั้น

นักวิจัยเตือนว่า การใช้สมการเหล่านี้กับไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ที่ทิ้งรอยเท้าบนตะกอนชนิดต่าง ๆ โดยไม่คำนึงถึงลักษณะพื้นผิว อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพฤติกรรม เช่น การล่าเหยื่อ หรือการอพยพ ทั้งยังชี้ว่า ค่าความเร็วที่ได้จากรอยเท้าควรถูกนำเสนอในลักษณะกว้าง ๆ มากกว่าจะชี้เฉพาะเจาะจง

แม้ว่าการศึกษาไม่ได้ปฏิเสธว่าไดโนเสาร์บางชนิดอาจวิ่งได้จริง แต่ทีมวิจัยแนะนำให้มีการวิเคราะห์เพิ่มเติม โดยเฉพาะจากสัตว์สมัยใหม่ที่มีโครงสร้างคล้ายคลึงกับไดโนเสาร์ เช่น นกที่เคลื่อนที่บนพื้นผิวแบบเดียวกัน เพื่อสร้างแบบจำลองที่แม่นยำยิ่งขึ้น

ผลการศึกษานี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Biology Letters และคาดว่าจะจุดประกายการทบทวนสมมติฐานเดิมเกี่ยวกับความเร็วและพฤติกรรมของไดโนเสาร์อีกครั้งในวงการบรรพชีวินวิทยา