รีเซต

ปธน.ทรัมป์ สั่งระงับทำธุรกิจกับ TikTok และ WeChat สองแอปพลิเคชันยักษ์ใหญ่ของจีน

ปธน.ทรัมป์ สั่งระงับทำธุรกิจกับ TikTok และ WeChat สองแอปพลิเคชันยักษ์ใหญ่ของจีน
บีบีซี ไทย
7 สิงหาคม 2563 ( 16:48 )
67
ปธน.ทรัมป์ สั่งระงับทำธุรกิจกับ TikTok และ WeChat สองแอปพลิเคชันยักษ์ใหญ่ของจีน

Getty Images

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ออกคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือ Executive Order ให้บริษัทของสหรัฐฯ เลิกทำธุรกิจกับติ๊กต็อก (TikTok) และวีแชต (WeChat) ภายใน 45 วัน

คำสั่งนี้ออกมาในขณะที่บริษัทไมโครซอฟต์ (Microsoft) กำลังเจรจาเรื่องซื้อกิจการในสหรัฐฯ ของติ๊กต็อก ซึ่งนายทรัมป์เองกำหนดเส้นตายให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นในวันที่ 15 ก.ย.

 

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของนายทรัมป์ทำให้ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ และจีน ซึ่งพยายามจะก้าวขึ้นเป็นชาติมหาอำนาจด้านเทคโนโลยี ตึงเครียดมากขึ้น

ติ๊กต็อก เป็นแอปพลิเคชันสำหรับแชร์วิดีโอสั้น ๆ เป็นของบริษัท ByteDance ของจีน ขณะที่แอปพลิเคชันส่งข้อความวีแชต เป็นของTencent เครือบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน

 

ทรัมป์ว่าอย่างไร

ในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายทรัมป์ระบุว่า "ต้องเพิ่มมาตรการเพื่อจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติในเรื่องข้อมูลและเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและห่วงโซ่อุปทานของการให้บริการต่าง ๆ"

เขาบอกอีกว่า "การใช้แอปพลิเคชันที่พัฒนาและมีบริษัทในสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นเจ้าของ อย่างแพร่หลายในสหรัฐอเมริกานั้นถือป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ นโยบายต่างประเทศ และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง"

 

นายทรัมป์ชี้ชัดว่าแอปพลิเคชันทั้งสองเป็น "ภัยคุกคาม" และในคำสั่งพิเศษที่เขาเป็นผู้ลงนามระบุด้วยว่าห้ามการทำธุรกรรมใด ๆ ที่ไม่เฉพาะเจาะจงกับเจ้าของชาวจีนของแอปพลิเคชัน หรือบริษัทย่อยของกิจการนั้น ๆ

ข้อความในคำสั่งของนายทรัมป์อ้างว่า การเก็บข้อมูลของติ๊กต็อกอาจทำให้จีนสามารถสอดส่องเจ้าหน้าที่รัฐของสหรัฐฯ ได้ และเก็บข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในการขู่กรรโชก หรือสืบข้อมูลในบริษัท

 

เขายังบอกอีกว่า ที่ผ่านมาติ๊กต็อกเซ็นเซอร์ข้อมูลที่ถือว่ามีความอ่อนไหวทางการเมือง เช่น การประท้วงในฮ่องกง และการปฏิบัติของจีนต่อชาวอุยกูร์

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังบอกอีกว่า กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ หน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐอเมริกา (ซึ่งตรวจตราคนเข้า-ออกสนามบินในสหรัฐฯ) และกองทัพสหรัฐ ได้ระงับไม่ให้ใช้แอปพลิเคชันติ๊กต็อกบนเครื่องโทรศัพท์มือถือที่เป็นของรัฐแล้ว

 

 

BBC
นี่ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ และจีน ตึงเครียดเข้าไปใหญ่

 

เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายทรัมป์ประกาศว่าเขาจะห้ามการทำธุรกิจกับติ๊กต็อก ขณะที่ไมโครซอฟต์ก็ประกาศว่าบริษัทกำลังจะเจรจาซื้อกิจการในส่วนที่ดำเนินการในสหรัฐฯ

ต่อมา นายทรัมป์ออกมาบอกว่าเขาสนับสนุนการซื้อกิจการของไมโครซอฟต์ตราบใดที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะได้ "ส่วนแบ่งจำนวนมาก" จากการขายด้วย ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าผิดไปจากธรรมเนียมปฏิบัติ

อย่างไรก็ตาม เขาก็เตือนว่าอาจจะออกคำสั่งห้ามทำธุรกิจกับติ๊กต็อกตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. เป็นต้นไป

เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินมาตรการในลักษณะนี้กับบริษัทด้านการสื่อสารของจีนอย่างหัวเว่ย (Huawei) และ ZTE

นายทรัมป์ทำสงครามการค้ากับจีนมาอย่างต่อเนื่อง เขาโทษว่าจีนเป็นต้นเหตุของวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เสียหาย ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยใหม่ในเดือน พ.ย.

ในเวลาเดียวกัน แอปพลิเคชันใหญ่ ๆ ของสหรัฐฯ อย่างกูเกิล ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก ก็ถูกสั่งห้ามในจีนเช่นกัน

ในสหรัฐฯ มีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันติ๊กต็อกเป็นประจำถึง 80 ล้านคนต่อเดือน ขณะทั่วโลกมีคนใช้ราว 800 ล้านคนต่อเดือน ก่อนหน้านี้ อินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของติ๊กต็อก ได้ห้ามการใช้ติ๊กต็อกและแอปฯ อื่น ๆ ของจีนอีก 58 แอปฯ จากเหตุผลเกี่ยวกับความกังวลด้านความมั่นคงของทางการ

 

วีแชต (WeChat) คืออะไร

วีแชตเป็นแอปพลิเคชันส่งข้อความที่เป็นที่นิยมมากสำหรับผู้ใช้งานทในจีนซึ่งไม่สามารถใช้แพลตฟอร์มใหญ่ ๆ อย่างว็อตส์แอพพ์ (WhatsApp) และเฟซบุ๊ก ได้

นอกจากจะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มของโซเชียลมีเดียแล้ว คนยังใช้วีแชตเพื่อชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ อ่านข่าว และทำกิจกรรมอื่น ๆ อีกด้วย

แต่วีแชตก็ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่จีนใช้ในการสอดส่องผู้คน บังคับให้คนที่ถูกกล่าวหาว่าเผยแพร่ข่าวเท็จให้สแกนใบหน้าและเสียงตัวเองลงในแอปพลิเคชันด้วย

นอกจากนี้ ยังมีผู้กล่าวหาว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้วีแชตในการโฆษณาชวนเชื่อกับชาวจีนที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศอีกด้วย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง