มาเลเซียประกาศฟื้นการค้นหา "MH370" ที่สาบสูญ รัฐบาลยึดหลักเดิม "ไม่เจอ ไม่จ่าย"

กระทรวงคมนาคมของมาเลเซียแถลงในวันนี้ (3 ธันวาคม) ว่าการค้นหาซากเครื่องบินโบอิง 777 เที่ยวบิน “MH370” ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่หายสาบสูญนานหลายสิบปี “จะกลับมาดำเนินการอีกครั้ง” โดยเริ่มตั้งแต่ 30 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป หลังจากเที่ยวบินดังกล่าวออกเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียมุ่งหน้าสู่กรุงปักกิ่งของจีนเมื่อปี 2014 พร้อมด้วยผู้โดยสาร 227 คน และลูกเรือ 12 คน ที่จนถึงขณะนี้ โลกยังคงหาคำตอบการหายไปอย่างปริศนาของ MH370 ไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ราวกับว่าเครื่องบินทั้งลำหายไปเฉยๆ โดยไม่ทราบชะตากรรมของผู้โดยสาร

กระทรวงคมนาคมของมาเลเซียยังระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า บริษัทโอเชียน อินฟินิตี (Ocean Infinity) บริษัทด้านเทคโนโลยีใต้น้ำ ยืนยันจะกลับมาเปิดปฏิบัติการค้นหา MH370 บริเวณพื้นมหาสมุทรอีกครั้งเป็นเวลา 55 วัน โดยจะแย่งเวลาในการค้นหาเป็นระยะ ซึ่งการค้นหาจะปูพรมในพื้นที่เจาะจงที่ได้รับการประเมินจากข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนี้ เท่าที่จะสามารถระบุพิกัดสุดท้ายของ MH370 ได้

ทางการมาเลเซียกล่าวด้วยว่าความพยายามค้นหาล่าสุดนี้ได้เน้นย้ําถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลมาเลเซียต่อครอบครัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโศกนาฏกรรมนี้

มีรายงานว่า คณะผู้สอบสวนเหตุ MH370 ฝั่งมาเลเซียยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เครื่องบินลำนี้จงใจขับออกนอกเส้นทาง โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ยังได้พบซากปรักหักพังบางส่วนที่เชื่อว่ามาจากเครื่องบินลำนี้ ถูกน้ำซัดขึ้นตามแนวชายฝั่งของแอฟริกาและบนเกาะในมหาสมุทรอินเดีย แต่ก็ยังไม่สามารถค้นหาจนพบจุดตกที่แน่ชัดของเครื่องบินลำนี้ได้

ขณะที่ ทางการมาเลเซียจะจ่ายเงิน 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับบริษัทโอเชียน อินฟินิตี หากสามารถค้นพบ “ชิ้นส่วนสำคัญ” และพิสูจน์ได้ว่ามาจากเที่ยวบิน MH370 จริง ระหว่างการค้นหาบริเวณพื้นมหาสมุทรในมหาสมุทรอินเดียซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางกว่า 15,000 ตารางกิโลเมตร เช่นเดียวกันในการค้นหาครั้งนี้ ทางการมาเลเซียยังคงใช้มาตรการเดิมกับโอเชียน อินฟินิตี  คือ “ไม่เจอ ไม่จ่าย” เหมือนกับในการค้นหาที่ผ่านมา โดยการค้นหา MH370 ครั้งล่าสุดที่มีการตกลงไว้ควรจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายนปีนี้ แต่สุดท้ายถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย

อย่างไรก็ตาม เอกสารคดีการหายสาบสูญของ MH370 ที่ถูกรวบรวมไว้กว่า 495 หน้ากระดาษ ระบุว่าเครื่องบินจงใจออกนอกเส้นทาง แต่คณะผู้สอบสวนไม่สามารถสรุปสถานการณ์ได้ เนื่องจากไม่พบความผิดปกติใด ๆ รวมถึงการประเมินด้านสภาพจิตใจของทั้งนักบินและผู้ช่วยนักบินที่ควบคุมเที่ยวบินนี้ คณะผู้สอบสวนกล่าวว่าการสรุปเหตุที่เกิดขึ้นอาจต้องขึ้นอยู่กับการค้นหาซากปรักหักพังที่จะทำให้ทราบว่าเกิดอะไรบนเที่ยวบินนี้บ้าง ซึ่งญาติของเหยื่อได้แสดงความหวังว่าการค้นหาครั้งใหม่นี้จะนํามาซึ่งคําตอบที่พวกเขาตามหามานานนับสิบปีได้ในที่สุด