เวลาใดที่เรารู้สึกว่าการเข้าไปมีอารมณ์ร่วมในบางเรื่องดูจะเสี่ยงเกินไป เราก็มักจะลดความเสี่ยงด้วยการปลีกตัวออกห่างและลดความคาดหวังลง หากคุณผ่านโลกมานานพอ คุณก็คงเคยประสบเหตุการณ์ที่โดนเพื่อนรัก “หักหลัง” มาแล้ว ยิ่งสนิทสนมกันมากเท่าไหร่ก็เจ็บปวดมากเท่านั้น เราคงจะเคยได้ยินละมั้งว่า ตอนที่เจ็บป่วยหรือโศกเศร้าที่สุดนั่นแหละ เราจึงจะรู้ว่าใครเป็นเพื่อนแท้ของเรา นี่ก็คือตัวอย่างหนึ่งของกรณีนี้ เมื่อเรามีเพื่อน เราก็คาดหวังว่าเพื่อนพร้อมที่จะช่วยเราเวลาฉุกเฉิน เราหวังว่าเพื่อนจะมาร่วมทุกข์ร่วมสุขยามที่เราลำบาก เราหวังว่าเพื่อนจะเกื้อหนุนและจริงใจกับเรายามที่เราตกอยู่ในสภาวะเครียดหรือเปราะบาง หากผิดไปจากความคาดหวัง ฟองสบู่ของเราก็แตก หากเพื่อนไม่เป็นไปไตามที่เราคาดหวังหรือทำลายคุณค่าบางอย่างที่ฝังแน่นในจิตใจของเรา เราก็จะสลดหดหู่ อารมณ์ของเราจะแปรปรวนเหมือนขึ้นรถไฟเหาะโรลเลอร์โคสเตอร์ มากน้อยไปตามความสัมพันธ์ใกล้ชิดหรือความสำคัญที่เราให้เพื่อนคนนั้น จนกระทั่งในที่สุดเราก็จะ “กลบฝัง” เพื่อนคนนั้นให้หายไปจากชีวิตภายหน้าของเรา มุมมองของเราต่อบุคคลคนนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างล้ำลึก เราแทบจะตัดสายใยและความผูกพันกับบุคคลผู้นั้นจนหมดสิ้นเพราะไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว ในขั้นที่รุนแรงเราก็คงเคยได้ยินคนเขาตัดขาดกันว่า “นายตายไปจากชีวอตฉันแล้ว ไม่มีตัวตนอีกต่อไป จะไสหัวไปทำอะไรก็เชิญ ฉันไม่แคร์ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น” มันเหมือนกับการเหวี่ยงลูกตุ้มเพนดูลั่มลงไปแรง ๆ จนกระแทกกับลูกตุ้ม เรานึกถึงภาษิตหนึ่งขึ้นมาได้ “ความรักทำให้คนตาบอด” องครักษ์พิทักษ์อื่น ๆ เป็นทอด ๆ จิตเหล่านี้มีทั้งด้านดีและด้านร้าย การที่เราหลงรักใครสักคนจนท่วมท้นตั้งแต่ศรีษะยันปลายเท้าก็นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะมันทำให้เราเห็นโลกเป็นสีชมพูสวยงาม เป็นช่วงสดใสของชีวิตช่วงหนึ่ง นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการสร้างภาพลวงของสมองอย่างสุดขั้ว ไม่ต่างจากภาพรวมของชีวิตที่รันทดหดหู่ซึ่งสมองสร้างขึ้นมาหลอกลวงให้คนเป็นโรคซึมเศร้า เมื่อผ่านพ้นมันมาได้ ต่างก็มองย้อนกลับไปและสารภาพว่าภาพเหล่านั้นหาใช่ความจริงเลยสักนิด มิตรสหายกับเพื่อนร่วมงานก็เคยทำให้เราผิดหวังอย่างเจ็บปวดมาแล้วเช่นกัน เราจะหยิบยกด้านลบที่รุนแรงสักเรื่องสองเรื่องขึ้นมาพิจารณา ซึ่งแน่นอนว่าเราจำเป็นต้องขุดคุ้ยลึกลงไปในจิตกว่าจะเข้าใจมันได้ คนส่วนใหญ่ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายจิตใจใคร แต่การกระทำของเขาเกิดจากการรู้รักษาตัวรอด ความรู้สึกว่าตัวเองต้องมาก่อน และความหลงตัวเอง รู้รักษาตัวรอด ไม่เธอก็ฉัน ฝ่านใดฝ่ายหนึ่ง ยังไงก็จำต้องทำ... เพราะฝ่ายที่รอดต้องเป็นฉันเท่านั้น ฉันต้องมาก่อน ฉันต้องการสิ่งนี้จริง ๆ ยังไงก็ต้องได้ และต้องได้เดี๋ยวนี้ด้วย คอยไม่ไหวแน่คนอื่นรอไว้ทีหลังเถอะ ยังไง ๆ ก็คงได้กันครบทุกคนเองแหละ หลงตัวเอง ชีวิตนี่ช่างมหัศจรรย์ จักรวารอันยิ่งใหญ่อยู่ในอุ้งมือฉันแล้ว พวกคนที่เขาช่วยให้ฉันได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาก็ล้วนเยี่ยมยอด ที่เขาพูดกันว่า ในจักรวาลมีทุกอย่างที่เราปรารถนานี่เป็นความจริงสุด ๆ จริงอยู่ที่เพื่อนฝูงกันก็อาจแปรพักตร์จากกันได้ แต่หากจะมองกันให้ลึกซึ้ง เจาก็ไม่ใช่มิตรแท้ของกันและกันอยู่ดี ถึงเราจะต้องผิดหวังและเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่าจนต้องยอมลดความคาดหวัง “หากไม่กล้าฝัน ก็ไม่มีวันเติบใหญ่... หากไม่กล้าเสี่ยง ถึงจะเสี่ยงความสูญเสียไปได้ แต่ก็ไร้วันได้กำไร” เมื่อใดก็ตามเราฉกฉวยโอกาสที่ผ่านมา ชีวิตจะยังคงรักษาความลุ่มลึกและหรูหราไม่เปลี่ยนแปลง ประสบกาณ์ที่ได้มักจะเป็นรางวัลมากกว่าความเจ็บปวดเพราะฉะนั้น ยังไงซะ มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง ฝันเฟื่อง : จินตนาการถึงสิ่งที่ดีกว่า ความมุ่งมาดปรารถนาที่มากมายจนน่าหงุดหงิด ผนวกกับความต้องการที่ไม่ได้รับการตอบสนอง อาจก่อให้เกิดความฝันเฟื่องขึ้นมาได้ แม้ว่าความฝันเฟื่องจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือแก้ไขปัญหาชั้นเยี่ยม.. แต่ก็เป็นหนทางที่ทำให้ความมุ่งมั่นในการจะทำฝันให้เป็นจริงรั่วหายไป และยังเป็นเหตุให้เราหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับความเป็นจริงในแต่ละวันของชีวิต หน้าเฟซบุ๊กของผู้ที่ทำอาชีพสายพัฒนาบุคคลมักจะมีผู้ที่เข้ามาคุยด้วยมากมาย ต่างก็มักจะบอกเราว่า ชีวิตของเราช่างเป็นสุขอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง สับดาห์ละ 7 วัน คนเหล่านี้ฝันเฟื่องว่า ความษรัทธาที่คุณมีต่อสิ่งที่เขาพูดจะช่วยให้เขาพ้นจากความยุ่งยากได้ เขาเหล่านี้มองโลกอยู่เพียงด้านเดียว เขาคอยอัศวินม้าขาว ใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในเทพนิยายที่รอให้เจ้าชายมาช่วยให้พ้นอันตราย เป็นชีวิตที่ฝันเฟื่องเต็มพิกัดทีเดียว ถ้าคุณถามถึงทุกข์สุขของพวกเขา ก็จะได้รับคำตอบว่า “เยี่ยม” ทุกอย่างของเขาปูด้วยกลีบกุหลาบ เขาปักหลักอยู่กับความคิดแบบนี้อย่างมั่นคงเหมือนตรึงไว้ด้วยตะปู ทั่วทั้งจักรวาลดูจะคล้ายลูกหมาเชื่อง ๆ ที่สุดแต่เขาจะฝันให้เป็นไปตามอำเภอใจ ถ้าคุณพบคนเหล่านี้คุณจะนึกออกทันที โดยส่วนตัวแล้ว เราอยากจะเขย่าให้เขาตื่นขึ้นมาอยู่กับความเป็นจริง เขาจะได้รู็ว่าชีวิตมันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด มันอาจจะดีเลิศแต่ก็อาจมีอุปสรรคที่ท้าทาย มันไม่มีวันจะเดินตามแผนที่วางไว้ได้ตลอดเวลา เราเองเคยผ่านมาหมดแล้ว ทั้งฝันกลางวัน ฝันเฟื่อง และก็ยอมรับว่ามันก็มีข้อดีอยู่บ้าง แต่ทุกอย่างมันต่างก็มีข้อจำกัด คุณต้องคอยตรวจสอบผลลัพธ์ของฝันนั้นในโลกแห่งความเป็นจริงทุกวัน นี่คือคำถามที่อาจช่วยคุณผู้อ่านได้ 10 คำถามเพื่อตรวจสอบความเป็นจริง ตอนนี้คุณอยู่ตรงไหนในฝันของคุณ ในความมุ่งมากปรารถนาและในเป้าหมายของชีวิต คุณตั้งใจจะก้าวไปถึงตรงไหน จะต้องมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง คุณจึงจะไปถึงเป้าหมายนั้นได้ จะต้องมีอะไรเกิดขึ้นทันทีในตอนนี้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคุณจะประสบความสำเร็จดังที่ปรารถนา ณ ขณะนี้ คุณสามารถทำอะไรได้บ้าง ทันทีที่คุณทำได้ คุณจะทำอะไร หากทำไม่ได้ คุณจะทำอะไร ขณะนี้ คุณกำลังทำอะไรอยู่ ณ ขณะนี้ ที่จริงคุณควรจะทำอะไรได้บ้าง 10 ฝันของคุณ ความมุ่งมาดปรารถนา และเป้าหมายของชีวิตสำคัญสำหรับคุณยังไง ขอบคุณภาพปกจาก unsplash.comขอบคุณภาพประกอบเนื้อหา ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3