รีเซต

BBL กำไร 1.05 หมื่นล. เพิ่ม 3.89% บล.ฟิลลิป แนะซื้อ เป้า 166 บ.

BBL กำไร 1.05 หมื่นล. เพิ่ม 3.89%  บล.ฟิลลิป แนะซื้อ เป้า 166 บ.
ทันหุ้น
18 เมษายน 2567 ( 18:10 )
12
BBL กำไร 1.05 หมื่นล. เพิ่ม 3.89%  บล.ฟิลลิป แนะซื้อ เป้า 166 บ.

#BBL #ทันหุ้น - ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 มีกำไรสุทธิ 10,523.65 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 5.51 บาท เพิ่ม 3.89% จากไตรมาส 1/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 10,129.29 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 5.31 บาท

 

BBL ชี้แจงว่า ในไตรมาสแรกของปี 2567 เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาคบริการตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนอันเป็นผลมาจากนโยบายการยกเลิกวีซ่า

 

อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกของไทยยังคงชะลอตัวตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่อ่อนตัวลงการใช้จ่ายภาครัฐที่ยังหดตัว ทั้งในด้านรายจ่ายลงทุนและรายง่ายประจำของรัฐบาลกลาง จากการที่งบประมาณประจำปี 2567 ยังคงไม่แล้วเสร็จ ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ผลกระทบจากธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวชะลอลงจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพข์และความขัดแข้งทางการค้าและเทคโนโลยีกับสหรัฐฯ ตลอดจนปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก

 

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน ความขัดแย้งทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์โลกรวมถึงความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากบริบทโลกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล การเปลี่ยนแปลงน โยบายและกฎเกณฑ์ของทางการ และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ที่กระทบการดำเนินธุรกิจ ธนาคารกรุงเทพในฐานะ "เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน" ยังคงมุ่งเน้นให้คำแเนะนำเพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ โดยส่งเสริมการพัฒนาทักษะและ องค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนการสร้างพันธมิตรในระบบนิเวศทางธุรกิจ และการลงทุนใหม่ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ธนาคารพร้อมสนับสนุนลูกค้าให้ได้ประโยชน์จากโอกาสในการขยายกิจการไปยังต่างประเทศเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 จำนวน 10,524 ล้านบาท

ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 จำนวน 10,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.7 จากไตรมาส 4 ปีก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง จากค่าใช้ง่ายดอกเบี้ยเงินรับฝากเพิ่มขึ้น ตามการทยอยปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากเมื่อครบกำห นด ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 3.06 ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากรายได้จากการลงทุน ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากบริการประกันผ่านธนาคารและกองทุนรวมเติบโตดีจากไตรมาสก่อน สำหรับค่าใช้จ่าย จากการดำเนินงานลดลง โดยมีอัตราส่วนค่าใ ช้จ่ายต่อรายได้จากการคำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 47. ทั้งนี้ ธนาคารพิจารณ าตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาคว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 8,582 ล้านบาท ภายใต้หลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า

 

ธนาคารกรุงเทพยังคงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบกอบ พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพฐานะการเงินสภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

 

ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,736.427 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 จากสิ้นปีก่อน จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศ

 

สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ที่ร้อยละ 3.0 ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 291. 7

 

ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2567 จำนวน 3,198,332 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 85.6 ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ร้อยละ 19.7 ร้อยละ 16.3 และร้อยละ 15.6 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

 

บล.ฟิลลิป  คาดกำไร 1Q67 โตสูง q-qและยังโต y-y : คาด BBL จะมีกำไร 1Q67 10.7 พันลบ. เพิ่มขึ้นถึง 20.2% q-qจากการตั้งสำรอง และค่าใช้จ่ายที่ลดลงมาก ถึงแม้ว่าจะคาดว่ารายได้ดอกเบี้ย และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะทรงตัว และเมื่อเทียบ 1Q66 คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 5.1% y-y ถึงแม้จะคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นมากจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และคาดว่าการตั้งสำรองจะลดลงด้วย แต่ต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมาก และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นไม่มาก

 

สินเชื่อยังโตต่อ และคาด NPL จะลดลง : BBL มีสินเชื่อในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นอีก 0.2% m-m จากเดือนม.ค. ที่สินเชื่อโต 0.8% m-m ทำให้สินเชื่อเติบโตเป็น 1.1% ytd และคาดว่าสิ้น 1Q67 BBL จะมีสินเชื่อเติบโตได้ประมาณ 1.7% ซึ่งน่าจะมาจากสินเชื่อรายใหญ่เป็นหลัก และคาดว่าด้วยการเติบโตของสินเชื่อรวมไปถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นน่าจะทำให้ระดับ NPL ของ BBL ลดลงใน 1Q67 จาก 4Q66 ที่มีอยู่ 2.7%

 

คงประมาณการ และราคาพื้นฐาน : ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 67 ไว้ที่ 45.5 พันลบ. เพิ่มขึ้น 9.4% y-y และยังคงราคาพื้นฐานไว้ที่ 166 บาทยังมีส่วนต่างเหลือพอสมควรจึงยังคงแนะนำ "ซื้อ"

 

บล.กสิกรไทย คาดการณ์ BBL จะมีกำไรไตรมาส 1/2567 ที่ 12,113 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 6.35 บาท เพิ่มขึ้น 37% q-q และ 20% y-y บล.กสิกรไทยแนะนำ “ถือ” ให้ราคาเป้าหมาย 150 บาท

 

บล.บัวหลวง คาดการณ์ BBL จะมีกำไรไตรมาส 1/2567 ที่ 10,636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% q-q และ 5% y-y

 

บล.กรุงศรีพัฒนสิน  มีมุมมอง Neutral ต่อกำไรสุทธิ 1Q24F คาดที่ 1.06 หมี่นลบ. กำไรเพิ่ม +5%y-y เพราะการเพิ่มขึ้นของ yield on Ioan กำไรเพิ่ม+20% q-q เพราะการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน และการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) จากปัจจัยฤดูกาล สำหรับสินเชื่อเพิ่มขึ้น +2.5% y-y และ +1.3% q-q คิดเป็น +1.3% YTD จากสินเชื่อภาคธุรกิจรายใหญ่

 

ด้าน NPL Ratio ที่ 2.80% เพิ่มจาก 4Q23 ที่ 2.70% จากการตกชั้นของลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่ง คาดคือ ITD ภาพรวม BBL มองว่ายังคงมีความแข็งแกร่งด้านคุณภาพสินทรัพย์ และความเพียงพอของสำรองต่อพอร์ตสูงสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 170 บาท

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง