ORIสต๊อกพร้อมขายเพียบ แบ็กล็อกแน่น3.5หมื่นล้าน
#ORI #ทันหุ้น – ORI ตุนแบ็กล็อก 3.5 หมื่นล้านบาท แถมมีสต๊อกพร้อมขายอีกกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท โชว์ 2 เดือนแรกมียอดขายแล้วกว่า 6 พันล้านบาท “พีระพงศ์ จรูญเอก” มองภาพรวมอสังหาปีนี้ฟื้นตัวดีขึ้น ตามเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว ไม่หวั่นมาตรการ LTV หมดอายุ ลั่นผลงานปีนี้ตามเป้ารายได้ 1.75 หมื่นล้านบาท และยอดขาย 3.5 หมื่นล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 34-35% และอัตรากำไรสุทธิที่ 22-24%
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่ริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 นี้มีทิศทางที่ฟื้นตัวขึ้นได้ค่อนข้างดี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยบริษัทได้เน้นการพัฒนาโครงการให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้โครงการต่างๆ ที่บริษัทเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นตัวช่วยและชดเชยกับมาตรการ LTV ที่จะหมดลงในปีนี้ได้บางส่วน
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) รวมกว่า 35,000 ล้านบาท โดยจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ภายในระยะเวลา 3 ปี และมีสต๊อกโครงการพร้อมขายอีกกว่า 11,000ล้านบาท ส่วนภาพรวมรายได้ในปี 2565 ตั้งเป้ารายได้ที่ 17,500 ล้านบาท โดยมาจากธุรกิจอื่นๆ ราว 2,500 ล้านบาท และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ราว 15,000 ล้านบาท
*มั่นใจผลงานตามเป้า
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 35,000 ล้านบาท โดยในช่วง 2 เดือนแรกมียอดขายแล้วกว่า 6,000 ล้านบาท จากแผนเตรียมเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 31 โครงการในปีนี้ มูลค่าโครงการรวมกว่า 42,000ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,400 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 19 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 28,600 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเติบโตในทุกเซ็กเมนต์ขณะเดียวกันมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ระดับ 34-35% และอัตรากำไรสุทธิที่ 22-24%
สำหรับปัจจุบัน ORI และบริษัทย่อยของบริษัทประกอบธุรกิจหลักด้วยกัน 4 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ประเภทคอนโดที่คิดเป็น 64% ของยอดขายรวม โดยมีการพัฒนาโครงการคอนโดที่สอดรับกับความต้องการอันหลากหลายของลูกค้า ประกอบด้วยแบรนด์ Kensington (ตลาดกลาง), Notting Hill (ตลาดกลางถึงบน), Knightsbridge (ตลาดกลางถึงบนต้น) และ Park (ตลาดบน)
ธุรกิจรับจ้างบริหารโครงการที่คิดเป็น 6% ของยอดขายรวม โดยจะเป็นการรับจ้างบริหารโครงการอสังหาอื่นๆ,ธุรกิจพัฒนาอสังหาแนวราบ คิดเป็น 25% ของยอดขายรวม (ทั้งยังพัฒนาโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ Britania อีกด้วย), ส่วนรายได้อื่นๆ จะรวมถึงรายได้จากการดำเนินงานและรายได้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหา เช่น บริการทำความสะอาด ช่างซ่อม ซักรีด และอื่นๆโดยรวมคิดเป็น 5% ของยอดขายรวม
*ดันบริษัทย่อยเข้าตลาด
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะนำบริษัทย่อยเข้าตลาดอย่างน้อยปีละ 1 บริษัท ได้แก่บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ประกอบธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร, บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ประกอบธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เช่น โรงแรม ออฟฟิศ ค้าปลีก, บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) เพื่อดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม เช่น คลังสินค้า โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ครบวงจร ซึ่งจะหนุนให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจอื่นๆ เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10%
*เคาะราคาเป้าหมาย 15 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง ORI ว่า แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 15 บาท จากแผนการเติบโตแบบ Multiverse ทั้งธุรกิจอสังหาเดิม ควบคู่การขยายธุรกิจใหม่ทั้ง Logistic Healthcare ประกันภัย พลังงาน และอื่นๆ และตั้งเป้า Market Cap รวมมากกว่า 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2568 สอดคล้องมุมมองของเราที่มอง ORI เป็นมากกว่าบริษัทอสังหาในระยะยาว
ขณะที่เป้าหมายปี 2565 Aggressive สะท้อนความเชื่อมั่นภาวะอุตสาหกรรมที่แข็งแรง เตรียมเปิดโครงการใหม่มูลค่ารวม 4.2 หมื่นล้านบาท +137% Y-Y ยอดขาย 3.5 หมื่นล้านบาท +16% Y-Y และเป้ารายได้ 1.75 หมื่นล้านบาท +10% Y-Y คาดกำไรปี 2565 +35% Y-Y